ไทยพลัสนิวส์ พาไปดู อาหารส่งผลอะไรกับประจำเดือน
ไทยพลัสนิวส์ พาไปดู อาหารส่งผลอะไรกับประจำเดือน โดย ประจำเดือนส่งผลต่อร่างกายอย่างไร แล้วอาหารที่เราทานเข้าไปนั้นส่งผลต่อประจำเดือนอย่างไร
อาหารส่งผลอะไรกับประจำเดือน
ประจำเดือนส่งผลต่อร่างกายอย่างไร
เสียเลือด อ่อนเพลีย ขาดธาตุเหล็ก เวียนศีรษะง่าย
มดลูก มีการบีบตัว อาจทำให้ปวดท้อง (ปวดประจำเดือน)
ช่วงก่อนประจำเดือนมา ร่างกายมีการเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมน
อาการทางใจ/อารมณ์ อารมณ์แปรปรวน หงุดหงิดง่าย
อาการทางกาย เช่น มีท้องอืด ท้องเสีย คลื่นไส้
อาหารส่งผลต่อประจำเดือนอย่างไร
อาหารไม่มีผลโดยตรงกับมดลูกเพราะอาหารที่ทานนั้นผ่านลงสู่กระเพาะอาหารและลำไส้ ซึ่งไม่ได้เชื่อมต่อกับมดลูก แต่อาหาร บางอย่างอาจมีผลต่ออาการต่าง ๆ ที่เกิดช่วงก่อนและขณะมีประจำเดือนได้ ดังนั้นจึงควรเลือกอาหารที่เหมาะสมเพื่อลดอาการเหล่านั้น
อาหารที่แนะนำช่วงมีประจำเดือน
ดื่มน้ำเปล่าให้เพียงพอ
ปริมาณน้ำที่แนะนำอย่างน้อย 2.7 ลิตร ต่อวัน
ช่วยทดแทนการเสียเลือด ช่วยให้ลดอาการปวด/มึนศีรษะ
ช่วยลดอาการท้องอืด
อาหารที่มีธาตุเหล็กสูง (ได้แก่ ปลา ไก่ ผักใบเขียว เช่น ผักโขม คะน้า) ช่วยทดแทนการเสียธาตุเหล็กจากการเสียเลือด
อาหารโปรตีนสูงและอาหารกากใยสูง ช่วยควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด ให้พลังงานคงที่ ไม่หิวง่าย
โอเมกา3 (Omega-3 / Fish oil) ช่วยลดอาการปวดประจำเดือน ช่วยลดอารมณ์แปรปรวน ซึมเศร้าหรือเหวี่ยง
สมุนไพรบางชนิด ได้แก่ ขิง อบเชย ช่วยลดอาการปวดประจำเดือน ได้ อย่างไรก็ตามไม่ควรรับประทานมากเกินไป
อาหารที่มีวิตามินและเกลือแร่
อาหารที่ควรหลีกเลี่ยงช่วงมีประจำเดือน
อาหารเค็ม / เกลือ
การกินเกลือหรืออาหารเค็มมากเกินไปทำให้น้ำในร่างกายคั่ง ตัวบวม และท้องอืดได้
ของหวาน / อาหารน้ำตาลสูง
หากทานมากเกินไปจะทำให้ระดับน้ำตาลในเลือดแกว่งและทำให้อารมณ์แปรปรวน
คาเฟอีน / ชา / กาแฟ
คาเฟอีนทำให้น้ำในร่างกายคั่ง ตัวบวม และอาจทำให้ปวดศีรษะมากขึ้น แต่การขาดคาเฟอีนอาจทำให้ปวดศีรษะได้เช่นกัน ดังนั้นจึงไม่จำเป็นต้องงดคาเฟอีน เพียงแต่ไม่ควรดื่มมากเกินไป
แอลกอฮอล์ทำให้ร่างกายขาดน้ำและอาจทำให้ปวดศีรษะและท้องอืดตามมาได้
อาหารรสจัด / เผ็ด
อาหารรสเผ็ด ระคายเคืองกระเพาะอาหาร ไม่ได้มีผลต่อมดลูกโดยตรง แต่อาจทำให้ร้อนท้อง ท้องเสีย คลื่นไส้ ซึ่งส่งผลต่ออาการช่วงมีประจำเดือนได้
เนื้อสัตว์ / เนื้อแดง เช่น เนื้อวัว เนื้อหมู
มีธาตุเหล็ก ช่วยทดแทนเลือดที่เสียไป แต่มีสารโพรสตาแกลนดิน (prostaglandins) มากเช่นกันซึ่งอาจทำให้มดลูกบีบตัวและปวดประจำเดือนได้
ความเชื่อผิด ๆ เรื่องอาหารกับประจำเดือน
ไม่ควรทานน้ำเย็นหรือน้ำแข็งช่วงมีประจำเดือน
ความเชื่อ: ไม่ควรทานน้ำเย็นหรือน้ำแข็งช่วงมีประจำเดือน บางคนเชื่อว่าเพราะทำให้ปวดประจำเดือนมากขึ้นและจะขับเลือดออกมาได้ไม่หมด
ความจริง: น้ำเย็นหรือน้ำแข็งไม่ส่งผลใด ๆ ต่อประจำเดือน เพราะประจำเดือนคือเลือดที่ออกมาจากมดลูก อาการปวดประจำเดือนคืออาการปวดท้องอันเนื่องมาจากการบีบตัวของมดลูก เมื่อดื่มน้ำเย็น ร่างกายจะมีระบบปรับอุณหภูมิของอาหารที่ทานเข้าไป และน้ำที่เข้าสู่ร่างกายนั้นจะผ่านกระเพาะอาหารและลำไส้ ไม่เกี่ยวกับมดลูกแต่อย่างใด ซึ่งสองระบบนี้แยกจากกันชัดเจน ดังนั้นน้ำเย็นหรือน้ำแข็งจึงไม่ทำให้ปวดท้องประจำเดือนและไม่ทำให้ประจำเดือนเป็นลิ่ม อย่างไรก็ตามลักษณะร่างกายของแต่ละคนนั้นไม่เหมือนกัน
ไม่ควรดื่มน้ำมะพร้าวช่วงมีประจำเดือน
ความเชื่อ: คนไทยมีความเชื่อว่าห้ามดื่มน้ำมะพร้าวระหว่างที่มีประจำเดือน บ้างก็ว่าจะทำให้เลือดมีกลิ่นคาวขึ้น บ้างก็ว่าทำให้ประจำเดือนผิดปกติ หรือทำให้ปวดประจำเดือนมากขึ้น
ความจริง: ไม่มีข้อห้ามในการดื่มน้ำมะพร้าวแต่ไม่แนะนำดื่มมากเกินไป น้ำมะพร้าวมีไฟโตเอสโตรเจน (Phytoestrogen) ซึ่งเป็นสารประกอบจากธรรมชาติที่มีสูตรโครงสร้างคล้ายฮอร์โมนเพศหญิง
น้ำมะพร้าวทำให้ประจำเดือนผิดปกติและทำให้ปวดประจำเดือน
ความเชื่อ: การดื่มน้ำมะพร้าวจะทำให้ประจำเดือนผิดปกติและทำให้ปวดประจำเดือน
ความจริง: กลไกการปวดประจำเดือนเกิดจากการบีบตัวของมดลูกซึ่งเกี่ยวกับสารโพรสตาแกลนดิน (prostaglandins) ในน้ำมะพร้าวมีฮอร์โมนเอสโตรเจนสูง แม้จะไม่ใช่สาเหตุหลักของอาการ แต่อาจส่งผลต่อการบีบตัวของมดลูกและรบกวนปริมาณประจำเดือน อย่างไรก็ตามหากไม่ดื่มมากจนเกินไป น้ำมะพร้าวนั้นมีประโยชน์ต่อร่างกายเพราะอุดมไปด้วยเกลือแร่ที่จำเป็นต่อร่างกาย
สรุป เรื่องอาหารกับประจำเดือน ในช่วงมีประจำเดือนแนะนำให้เลือกทานอาหารที่มีประโยชน์ สมดุล ครบห้าหมู่ และดื่มน้ำให้เพียงพอ
อ้างอิงจาก medparkhospital
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น