ไทยพลัสนิวส์ แนะนำเรื่อง กินยาคุมกับน้ำอัดลม ส่งผลอะไรไหม
ไทยพลัสนิวส์ แนะนำเรื่อง กินยาคุมกับน้ำอัดลม ส่งผลอะไรไหม กินยาคุมกำเนิดหรือยาคุมฉุกเฉินกับน้ำอัดลม แอบกังวลว่าน้ำอัดลมจะส่งผลกับยาคุมกำเนิดไหม อย่างนี้ต้องเคลียร์ให้กระจ่าง
วิธีคุมกำเนิดที่ง่าย สะดวก และค่อนข้างปลอดภัย สาว ๆ หลายคนไว้ใจเลือกใช้ยาคุมกำเนิดเป็นส่วนใหญ่ แต่วิธีกินยาคุมกำเนิดให้ถูกต้อง ป้องกันท้องไม่พร้อมได้ บางทีเราก็เหมือนจะรู้ไม่ครบเท่าไรว่าไหมคะ เช่น หากเราจะกินยาคุมกำเนิดกับน้ำอัดลมได้ไหม น้ำอัดลมจะส่งผลให้ยาคุมกำเนิดมีประสิทธิภาพลดลงจากเดิมหรือไม่ เรื่องนี้ต้องเคลียร์ให้กระจ่างจะได้หายข้องใจและกินยาคุมได้ถูกวิธีนะคะ
กินยาคุมกับน้ำอัดลมได้ไหม
แม้จะไม่มีข้อมูลที่ชัดเจนว่าห้ามกินยาคุมกับน้ำอัดลม ทว่าการกินยาใด ๆ ก็ตามร่วมกับน้ำอัดลม อาจทำให้เกิดผลข้างเคียงจากยานั้น ๆ มากขึ้นได้ เพราะน้ำอัดลมมีทั้งกรด แก๊ส และคาเฟอีน ที่อาจทำให้การดูดซึมตัวยาลดน้อยลง ส่งผลให้ยาเริ่มออกฤทธิ์ช้าลงไปด้วย เท่ากับว่า หากกินยาคุมกับน้ำอัดลมพร้อมกัน ฤทธิ์ของยาคุมอาจถูกคาเฟอีนกดทับ ทำให้ประสิทธิภาพการคุมกำเนิดไม่เต็มที่ดังเดิม โดยเฉพาะหากกินยาคุมฉุกเฉินกับน้ำอัดลม ความเสี่ยงในการตั้งครรภ์อาจเพิ่มสูงขึ้นได้ เนื่องจากประสิทธิภาพของยาคุมฉุกเฉินสัมพันธ์กับเวลาที่กินยาภายหลังจากมีเพศสัมพันธ์ด้วย
ดังนั้น การกินยาคุมกับน้ำอัดลม ไม่ว่าจะเป็นยาคุมกำเนิดชนิด 21 หรือ 28 เม็ด รวมทั้งยาคุมฉุกเฉินก็เป็นสิ่งที่ควรหลีกเลี่ยงนะคะ แนะนำให้กินยาคุมกับน้ำเปล่าธรรมดา ๆ จะดีกว่า ยาคุมกำเนิดจะได้ออกฤทธิ์และมีประสิทธิภาพในการป้องกันการตั้งครรภ์ได้อย่างเต็มที่ แต่ทั้งนี้ก็ควรรู้วิธีกินยาคุมที่ถูกต้องด้วยล่ะสาว ๆ
อย่างไรก็ดี การกินยากับน้ำอัดลมก็ไม่ใช่เรื่องที่ถูกต้องนัก โดยเฉพาะหากกินยาที่มีผลในการกระตุ้นระบบประสาทอยู่แล้ว เคสนี้ยิ่งไม่ควรกินยากับน้ำอัดลมโดยเด็ดขาดนะคะ รวมไปถึงคนที่เป็นโรคกระเพาะ ต้องกินยาลดกรด การกินยากับน้ำอัดลมอาจทำให้ตัวยาไม่สามารถลดกรดในกระเพาะอาหารได้ เนื่องจากน้ำอัดลมจะเข้าไปเพิ่มกรดในกระเพาะอาหาร ซึ่งก็เท่ากับว่ายาลดกรดต้องออกฤทธิ์ลดกรดเพิ่มขึ้นเป็นสองเท่าเพื่อลดกรด และตัวยาที่กินเข้าไปอาจไม่มีกำลังมากพอจะลดกรดในกระเพาะอาหารทั้งหมดได้ ส่งผลให้อาการกรดเกินในกระเพาะอาหารไม่ได้ถูกเยียวยาแต่อย่างใด
ที่สำคัญในน้ำอัดลมยังมีคาเฟอีน สารที่มีฤทธิ์กระตุ้นการทำงานของหัวใจ ดังนั้น เราก็ไม่ควรกินยาขยายหลอดลมกับน้ำอัดลม เพราะน้ำอัดลมอาจเพิ่มอัตราการเต้นของหัวใจได้ และอาจส่งผลให้เกิดอาการข้างเคียงที่ไม่พึงประสงค์จากยาเพิ่มมากขึ้นด้วย
เอาเป็นว่าไม่ว่าจะกินยาคุมกำเนิดหรือยาอะไรก็ตาม ควรเลือกกินยากับน้ำเปล่าธรรมดา เพื่อให้ประสิทธิภาพของยายังคงเดิม และไม่เพิ่มเติมผลข้างเคียงที่อาจเกิดจากยาจนเสี่ยงอันตรายต่อตัวเราเอง
กินยาคุมกำเนิดให้ถูกวิธี คุมได้ก็หายห่วง
ยาคุมกำเนิด เป็นวิธีการคุมกำเนิดที่มีประสิทธิภาพ หากกินอย่างถูกต้อง แต่ปัญหาที่พบคือการกินที่ไม่ถูกวิธี ทำให้การคุมกำเนิดเสื่อมประสิทธิภาพลง ถือเป็นเรื่องที่ทุกคนควรทำความเข้าใจเกี่ยวกับชนิดของยาคุมกำเนิด วิธีการกินยาคุมกำเนิดที่ถูกต้อง รวมถึงการไขข้อข้องใจเกี่ยวกับความเชื่อผิด ๆ ในเรื่องของยาคุมกำเนิด เพื่อให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุดในการคุมกำเนิดจากการกินยา
ยาคุมกำเนิด ชนิดเม็ดมีกี่ประเภท?
ชนิดของยาคุมกำเนิดแบบเม็ดมีทั้งหมด 3 ชนิดด้วยกัน ได้แก่
- ยาคุมกำเนิดชนิดฮอร์โมนรวม ประกอบด้วยฮอร์โมนเอสโตรเจน และโปรเจสเตอโรน เป็นชนิดแนะนำให้ใช้กันทั่วไป
- ยาคุมกำเนิดชนิดเม็ดแบบฮอร์โมนโปรเจสเตอโรน แบบเดี่ยว เหมาะกับสตรีที่อยู่ในภาวะให้นมบุตร
- ยาคุมกำเนิดชนิดเม็ดแบบฉุกเฉิน ไม่แนะนำให้ใช้เป็นมาตรฐาน ควรใช้เฉพาะกรณีฉุกเฉินมีเพศสัมพันธ์แบบไม่ได้ป้องกันหรือการคุมกำเนิดที่ใช้อยู่ผิดพลาด เช่น ถุงยางแตก รั่วหรือ หลุด เป็นต้น
ยาคุมกำเนิด ชนิดแนะนำ
ยาคุมชนิดแนะนำหรือที่ใช้กันอยู่อย่างแพร่หลาย คือชนิดฮอร์โมนรวม เพราะเป็นชนิดใช้ง่าย หาซื้อได้ทั่วไป ราคาไม่แพง และประสิทธิภาพการคุมกำเนิดสูง มีโอกาสพลาดตั้งครรภ์เพียงร้อยละ 0.3 ซึ่งน้อยมาก
วิธีการกินยาคุมกำเนิดชนิดฮอร์โมนรวม
แนะนำให้เริ่มกินภายในวันที่ 5 ของวันที่มีประจำเดือน โดยนับวันแรกที่มีประจำเดือนเป็นวันที่ 1 หลังจากเริ่มกินแล้วควรกินต่อเนื่องทุกวัน ในช่วงเวลาเดียวกันหรือใกล้เคียงกัน เพื่อประสิทธิภาพในการคุมกำเนิดดีที่สุด
ผลข้างเคียงของยาคุมกำเนิดชนิดฮอร์โมนรวม
ผลข้างเคียงในอดีตของยาคุมกำเนิดชนิดฮอร์โมนรวม มักทำให้เกิดอาการต่าง ๆ ได้แก่ คลื่นไส้ อาเจียน น้ำหนักตัวเพิ่ม บวมน้ำ ผ้าขึ้น ซึ่งพบได้น้อยลงมากในยาคุมกำเนิดที่วางแผงอยู่ในปัจจุบัน เพราะปริมาณฮอร์โมนเอสโตรเจนในตัวยาถูกลดปริมาณลงจากเดิมถึงครึ่งนึง
ความเชื่อที่ไม่ถูกต้องของยาคุมกำเนิดชนิดฮอร์โมนรวม
ทำให้มดลูกแห้ง แต่ในความเป็นจริงแล้วยาคุมกำเนิดชนิดฮอร์โมนรวม ทำให้ประจำเดือนมาน้อยลง ซึ่งถือเป็นเรื่องที่ดี เพราะจะทำให้ร่างกายลดการเสียเลือด อีกทั้งยังส่งผลให้อาการปวดประจำเดือนลดลงด้วย
ทำให้มีบุตรยากในอนาคต พบว่าหากหยุดยาคุมกำเนิดเป็นเวลา 2-3 เดือน ก็สามารถตั้งครรภ์ได้ตามปกติ ไม่มีผลต่อการมีบุตรยากในอนาคตแต่อย่างใด
อ้างอิงจาก kapook
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น