วันพุธที่ 31 พฤษภาคม พ.ศ. 2566

สลากไทพลัส พาไปท่องภูเขาดอยผาตั้ง

มาถึง “เชียงราย” ทั้งที สลากไทพลัส กองสลากไท ก็ต้องมาเที่ยวที่ ดอยผาตั้ง ที่หลายคนคงคุ้นหูกับชื่อนี้กันเป็นอย่างดี ที่นี่.. เป็นสถานที่ท่องเที่ยวอีกจุดหนึ่งที่ขึ้นชื่อเรื่องวิวทิวทัศน์ที่สวยงาม เป็นธรรมชาติ ยิ่งถ้าได้มาเที่ยว ช่วงหน้าฝน หรือ หน้าหนาว มองไปทางไหนก็จะพบกับความเขียวขจี อากาศสดชื่น       







กองสลากไท : ข้อมูล ดอยผาตั้ง

สลากไทพลัส แนะนำ ดอยผาตั้ง เป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงแห่งหนึ่งในจังหวัดเชียงราย อยู่ในเขตตำบลปอ อำเภอเวียงแก่น จังหวัดเชียงราย ดอยผาตั้งเป็นยอดดอยอยู่ในเทือกเขาหลวงพระบาง สันปันน้ำเป็นจุดแบ่งอาณาเขตระหว่างประเทศไทย-ลาว เป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่ขึ้นชื่อสำหรับชมพระอาทิตย์ขึ้นและทะเลหมอกในตอนเช้าและชมพระอาทิตย์ตกในเวลาเย็น มีความสูงจากระดับน้ำทะเลประมาณ 1,800 เมตร เส้นทางเดินขึ้นยอดดอยอยู่ติดกับสถานที่จอดรถและร้านค้าบริการความยาวประมาณ 700 เมตร จากยอดดอยสามารถมองเห็นแม่น้ำโขงฝั่งลาวและสามารมองเห็นยอดภูชี้ฟ้าที่อยู่ห่างออกไปกว่า 25 กิโลเมตรได้ชัดเจน



ภาพถ่ายมุมสูง ดอยผาตั้งจุดเด่นของ ดอยผาตั้ง

สลากไทพลัส กองสลากไท พาไป ดอยผาตั้ง มีจุดชมวิวช่องผาบ่อง เป็นช่องหินขนาดใหญ่ มองเห็นแม่น้ำโขงทอดตัวคดเคี้ยวในฝั่งลาว หากเดินเท้าต่อไปอีก 1 กิโลเมตร จะถึงจุดชมวิว 103 สภาพเส้นทางบางช่วงสูงชัน จุดชมวิวแห่งใหม่อยู่ทางด้านเหนือของดอยผาตั้ง คือจุดชมวิวเนิน 104 สูงประมาณ 1,570 เมตร ลักษณะเป็นสันเขาโล่ง ปกคลุมด้วยทุ่งหญ้าสลับก้อนหินขนาดใหญ่ สามารถชมทัศนียภาพได้ 360 องศา บริเวณเนิน 104 ไม่มีที่พักและไม่สามารถกางเต็นท์พักแรมได้

ภาพถ่ายรายละเอียดค่าใช้จ่ายบน ดอยผาตั้ง

การเดินทางบน ดอยผาตั้ง



หากต้องการชมพระอาทิตย์ขึ้น นักท่องเที่ยวต้องนัดรถโฟร์วีลไดรฟ์มารับ-ส่งจากที่พักก่อนเวลา 05.30 น. เพื่อขึ้นไปยังจุดชมวิว หรือขับรถยนต์ส่วนตัวไปจอดไว้ ณ โรงเรียนบรรพตวิทยา และนัดหมายรถโฟร์วีลไดรฟ์ให้มารับ

ราคาค่ารถเหมาไปกลับ 1 คัน นั่งได้ไม่เกิน 10 คน คันละ 500 บาทระยะทางราว 1.8 กิโลเมตร เส้นทางเป็นทางวิบาก ใช้เวลาประมาณ 15 นาที ถึงลานจอดรถ จากนั้นต้องเดินเท้าตามสันเขาซึ่งเป็นทางราบและทุ่งหญ้าประมาณ 350 เมตร ต่อด้วยปีนป่ายก้อนหินอีกประมาณ 50 เมตร ในเขตบ้านผาตั้ง ตามเส้นทางจะมีบริการที่พัก สถานที่กางเต็นท์ และร้านอาหาร

ภาพถ่ายป้ายนำทางไป ดอยผาตั้ง

การเดินทางไป.. “ดอยผาตั้ง”



เส้นทางการเดินทางไปสู่ “ดอยผาตั้ง” จะเป็นเส้นทางเดียวกับ สถานที่ท่องเที่ยวสำคัญ อย่าง ภูชี้ฟ้า, ภูชี้เดือน และ ภูชี้ดาว ซึ่งระยะห่างของแต่ละสถานที่อยู่ห่างกันไม่มาก จึงสามารถรวมทุกสถานที่ให้เที่ยวเชื่อมโยงในทริปเส้นทางเดียวกันได้ โดยสามารถใช้เส้นทาง หมายเลข 1093 จะไล่เที่ยวจากเหนือลงใต้ เริ่มที่ ดอยผาตั้ง ภูชี้เดือน ภูชี้ดาว และ ภูชี้ฟ้า หรือ จะเที่ยวย้อนจากใต้ขึ้นเหนือ ก็ได้แล้วแต่ความสะดวกเลย!

สลากไทพลัส กองสลากไท

สลากไทพลัส 80 บาททุกใบไม่มีบวกเพิ่ม ถูกรางวัลรับเต็ม

ติดต่อทาง  LINE : @ S L T P 7 8 9 

www.สลากไทพลัส.com



อ่านบทความเพิ่มเติมของสลากไทพลัส

ชมความสวยงามน้ำตกเจ็ดสาวน้อยสลากไทพลัส แนะนำ

สลากไทพลัส พาไปอีกหนึ่งวัดที่สวยงามเป็นเอกลักษณ์ วัดมิ่งเมือง

ทำความรู้จัก วัดดอนขนาก จังหวัดนครปฐม

สลากไทพลัส ประวัติวัดร่องเสือเต้น จังหวัดเชียงราย


ชมความสวยงามน้ำตกเจ็ดสาวน้อยสลากไทพลัส แนะนำ

จังหวัดสระบุรี ตั้งอยู่ในบริเวณรอยต่อระหว่างภาคกลางและภาคอีสาน เป็นจังหวัดที่มีทรัพยากรการท่องเที่ยวที่สำคัญ ทั้งด้านพุทธศาสนา ประวัติศาสตร์ ประเพณี และแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติอย่างน้ำตกอยู่เป็นจำนวนมาก หนึ่งในน้ำตกสระบุรี ที่หลายคนมักจะนึกถึงก็คือ น้ำตกเจ็ดสาวน้อย ที่ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นอุทยานแห่งชาติด้วย ซึ่งในวันนี้ สลากไทพลัส กองสลากไท จะพาทุกคนไปทำความรู้จักกับ อุทยานแห่งชาติน้ำตกเจ็ดสาวน้อย สถานที่ท่องเที่ยวสระบุรีให้มากขึ้นกัน





ภาพถ่ายมุมกว้าง น้ำตกเจ็ดสาวน้อยอุทยานแห่งชาติน้ำตกเจ็ดสาวน้อย ตั้งอยู่ที่ไหน

          อุทยานแห่งชาติ น้ำตกเจ็ดสาวน้อย ครอบคลุมพื้นที่ในอำเภอมวกเหล็ก จังหวัดสระบุรี และอำเภอปากช่อง จังหวัดนครราชสีมา มีพื้นที่ 26,238.00 ไร่ ได้รับการประกาศเป็นอุทยานแห่งชาติลำดับที่ 129 ของประเทศไทย ในวันที่ 26 ธันวาคม 2559 โดยอุทยานนี้ได้ถูกยกฐานะขึ้นมาจากวนอุทยานน้ำตกเจ็ดสาวน้อย ที่จัดตั้งมาตั้งแต่ปี 2523 และมีที่ทำการอุทยานตั้งอยู่ที่หมู่ 9 บ้านแก่งหลุ ตำบลมวกเหล็ก อำเภอมวกเหล็ก จังหวัดสระบุรี สลากไทพลัส กองสลากไท



ภาพถ่าย น้ำตกเจ็ดสาวน้อย ชั้น4 ภูมิประเทศอุทยานแห่งชาติ น้ำตกเจ็ดสาวน้อย : กองสลากไท

            อุทยานแห่งชาติน้ำตกเจ็ดสาวน้อยมีพื้นที่ส่วนใหญ่เป็นภูเขาสลับซับซ้อนสลับกับที่ราบ ลักษณะพื้นที่ค่อนข้างแห้งแล้งมีหน้าดินตื้น มีความสูงจากระดับน้ำทะเลปานกลางอยู่ในช่วง 180-402 เมตร จุดสูงสุดของพื้นที่อยู่บริเวณโชคชัยพัฒนา มีความสูงจากระดับน้ำทะเลปานกลาง 402 เมตร รองลงมาคือเทือกเขาที่อยู่ตอนกลางของพื้นที่ และเทือกเขาบริเวณบ้านดงน้ำฉ่า มีความสูงจากระดับน้ำทะเลปานกลาง 386 และ 359 เมตร ตามลำดับ บริเวณเชิงเขาด้านทิศตะวันออกและทิศเหนือของพื้นที่ติดคลองมวกเหล็กซึ่งมีน้ำไหลผ่านตลอดปี และไหลลงสู่แม่น้ำป่าสักที่อำเภอวังม่วง ส่วนบริเวณตอนกลางของพื้นที่มีลำห้วยเล็กๆ ไหลผ่าน ได้แก่ ห้วยแล้ง ซึ่งเป็นลำห้วยที่มีน้ำไหลเฉพาะในช่วงฤดูฝนเท่านั้น



สภาพภูมิอากาศอุทยานแห่งชาติ น้ำตกเจ็ดสาวน้อย : สลากไทพลัส

           พื้นที่อุทยานตั้งอยู่บริเวณภาคกลางของประเทศไทย อยู่ภายใต้อิทธิพลของลมมรสุม ซึ่งมีระบบการพัดเวียนประจำเป็นฤดูกาล โดยในช่วงเดือนพฤษภาคมถึงตุลาคม ได้รับอิทธิพลของลมมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ พัดพาเอาความชื้นจากทะเลและมหาสมุทรเข้ามา ทำให้เกิดฤดูฝน และในช่วงเดือนพฤศจิกายนถึงกุมภาพันธ์ ได้รับอิทธิพลของลมมรสุมตะวันออกเฉียงเหนือ พัดพาเอาความหนาวเย็นมาจากตอนเหนือของทวีปเอเชีย ทำให้เกิดฤดูหนาว อุทยานแห่งนี้จึงเป็นพื้นที่ที่มีอากาศเย็นสบายเกือบตลอดทั้งปี


ภาพถ่าย น้ำตกเจ็ดสาวน้อย ชั้น3

พืชพรรณและสัตว์ป่าในอุทยานแห่งชาติน้ำตกเจ็ดสาวน้อย

            สภาพป่าโดยทั่วไปในอุทยานเป็นป่าปลูก ซึ่งปลูกขึ้นเพื่อทดแทนและฟื้นฟูผืนป่าที่เคยมีการบุกรุกทำลายตั้งแต่ครั้งอดีต บางพื้นที่เป็นป่าที่กำลังฟื้นตัวตามธรรมชาติ และมีความหลากหลายของชนิดพันธุ์สัตว์ป่าทั้งสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม สัตว์เลื้อยคลาน สัตว์สะเทินน้ำสะเทินบน และนก อยู่ในเกณฑ์ปานกลาง



ไฮไลต์ของอุทยานแห่งชาติน้ำตกเจ็ดสาวน้อย

          เมื่อพูดถึงอุทยานแห่งชาติน้ำตกเจ็ดสาวน้อย หลายคนก็ต้องนึกถึง น้ำตกเจ็ดสาวน้อย ซึ่งเดิมอยู่ในความดูแลของกรมป่าไม้มาก่อน เป็นน้ำตกเล็ก ๆ 7 ชั้น โดยที่มาของชื่อน้ำตกได้จากการสำรวจพื้นที่ของเจ้าหน้าที่ป่าไม้ และได้พบกับน้ำตก 7 ชั้น ซึ่งอยู่ใกล้กับหมู่บ้านสาวน้อย ที่ตั้งอยู่ทางทิศเหนือของนํ้าตก จึงได้ตั้งชื่อว่า น้ำตกเจ็ดสาวน้อย ตามชื่อของหมู่บ้านและจำนวนชั้นของน้ำตกนั่นเองสลากไทพลัส กองสลากไท


สลากไทพลัส 80 บาททุกใบไม่มีบวกเพิ่ม ถูกรางวัลรับเต็ม

ติดต่อทาง  LINE : @ S L T P 7 8 9 

www.สลากไทพลัส.com



อ่านบทความเพิ่มเติมของสลากไทพลัส




สลากไทพลัส พาไปอีกหนึ่งวัดที่สวยงามเป็นเอกลักษณ์ วัดมิ่งเมือง

สลากไทพลัส กองสลากไท พาไปชมในบรรดาวัดสวยของจังหวัดน่าน วัดมิ่งเมือง เป็นอีกหนึ่งวัดที่ขึ้นชื่อเรื่องความสวยงามและเป็นเอกลักษณ์ รวมถึงเป็นที่ตั้งของ เสาพระหลักเมืองน่าน ที่ใครไปเที่ยวน่าน ต้องไปไหว้สักการะเพื่อความเป็นสิริมงคล




ภาพถ่ายจิตรกรรมฝาผนัง วัดมิ่งเมือง

ประวัติความเป็นมา วัดมิ่งเมือง : กองสลากไท

สลากไทพลัส กองสลากไท ประวัติของ วัดมิ่งเมือง คือ เดิมเป็นวัดร้าง มีเสาหลักเมืองที่เป็นท่อนซุงขนาดใหญ่สองคนโอบ พบที่ซากวิหาร ในราวปี 2400 เจ้าอนันตวรฤทธิเดช เจ้าครองนครน่านสถาปนาวัด ใหม่ ตั้งชื่อว่า วัดมิ่งเมือง ตามชื่อที่เรียกเสาหลักเมืองว่า เสามิ่งเมือง

ต่อมาปี 2527 ด้วยระยะเวลาที่ยาวนานทำให้อุโบสถชำรุดทรุดโทรมลง พระครูสิริธรรมภาณี (เสน่ห์ ฐานสิริ) เจ้าอาวาสวัดมิ่งเมืองร่วมกับชาวบ้านคุ้มวัดมิ่งเมือง ได้ทำการรื้อถอนและสร้างอุโบสถหลังใหม่เป็น แบบล้านนาร่วมสมัยแบบในปัจจุบัน พร้อมทั้งอัญเชิญพระประธานองค์เดิมมาประดิษฐานไว้ สำหรับตัวอุโบสถหลังใหม่นี้พระครูสิริธรรมภาณีเป็นผู้ออกแบบตามจินตนาการ เป็นอุโบสถล้านนาร่วมสมัย ก่อสร้างตัวอาคารด้วยฝีมือสล่าพื้นบ้านเมืองน่าน ลวดลายปูนปั้นอันวิจิตรอลังการเป็นฝีมือของสล่าเสาร์แก้ว เลาดี สกุลช่างเชียงแสนโบราณ ส่วนภาพวาดจิตรกรรมฝาผนังในอุโบสถเป็นภาพตำนานประวัติความเป็นมาของเมืองน่าน เริ่มตั้งแต่สมัยพญาภูคาเจ้าเมืองน่านองค์ปฐมตั้งอยู่เมือง ณ เมืองย่าง (ปัจจุบันอยู่ในเขตอำเภอปัว) มาจนถึงสมัยเจ้ามหาพรหมสุรธาดา เจ้าผู้ครองนครน่านองค์สุดท้าย โดยคุณสุรเดช กาละเสน จิตรกรพื้นบ้านเมืองน่าน เฉพาะงานประติมากรรมปูนปั้นใช้เวลาประมาณ 5 ปี และสร้างเสร็จเมื่อปี พ.ศ. 2540 ใช้เวลาสร้างรวม 12 ปี



ภาพถ่ายเสาพระหลักเมืองน่าน วัดมิ่งเมืองวัดมิ่งเมือง พระวิหารโทนขาวของเมืองน่าน

สลากไทพลัส กองสลากไท ความโดดเด่นของ “วัดมิ่งเมือง” ก็คือพระวิหารที่มีลักษณะเป็นลายปูนปั้นผนังด้านนอกโทนสีขาวทั้งหมด(ใครจะบอกว่าคล้ายกับวัดร่องขุ่นก็ได้ ผมไม่เถียงฮ่า ๆ) ภายในพระวิหารมีองค์พระพุทธรูปปูนปั้นสีทองศิลปะแบบเชียงแสน อายุมากกว่า 400 ปี ซึ่งมีนามว่า “หลวงพ่อพระศรีมิ่งเมือง” นอกจากนี้ภายในพระวิหารยังมีจิตรกรรมฝาผนังแสดงให้เห็นถึงวิถีชีวิตของชาวเมืองน่าน และประวัติความเป็นมาตั้งแต่ สมัยเจ้าพญาภูคา ผู้ครองนครน่านองค์แรก จนถึงสมัยเจ้ามหาพรหมสุรธาดาเจ้าผู้ครองนครน่านองค์สุดท้าย เขียนโดยจิตกรสวรรค์พื้นเมืองน่าน นอกจากนี้สถาปัตยกรรมตัวอาคารสีขาวยังถูกออกแบบโดยช่างชาวจังหวัดน่านในยุคปัจจุบันด้วย เรียกได้ว่าเป็นวันที่ Develop  by คนน่านแท้ ๆ เลยครับ “วัดมิ่งเมือง” ตั้งอยู่บริเวณถนนสุริยพงศ์เส้นเดียวกับวัดภูมินทร์ ซึ่งห่างจากวัดภูมินทร์ไปทางทิศตะวันตกประมาณ 250 เมตร เลยศูนย์ขายของฝากเมืองน่านไปประมาณ 100 เมตร  สามารถเดินจากวัดภูมินทร์มาได้ไม่ไกลมาก



ภาพถ่ายเสามิ่งเมืองของ วัดมิ่งเมืองเสามิ่งเมือง เสาหลักเมืองน่าน

“วัดมิ่งเมือง” เป็นที่ประดิษฐานเสาหลักเมืองของจังหวัดน่าน เสาหลักเมืองจะตั้งอยู่ในศาลาจตุรมุขสีขาว เสาทำจากอิฐปูนสูงประมาณ 1.50 เมตร และฐานสูงประมาณ 1 เมตร ประดับด้วยไม้แกะสลักลวดลายสีทอง ยอดเสาแกะสลักรูปหน้าพระพรหมที่แสดงถึง เมตตา กรุณา มุทิตา อุเบกขา ส่วนใครที่เป็นสายบุญตามความเชื่อแล้ว “ หากมีโอกาสได้มาเมืองน่าน ก็ควรมาไหว้สักการะสักครั้ง และควรไหว้ทั้งหมด 4 ทิศ ” เพื่อความเป็นสิริมงคลกับชีวิต เพราะแต่ละทิศก็มีความหมายแตกต่างกัน

เริ่มจาก ทิศเหนือ ทิศตะวันออก ทิศใต้ และทิศตะวันตก โดยแต่ละทิศจะมีอุดมมงคลดังนี้

ทิศเหนือ คือพระเมตตา มีท่านท้าวเวสสุวรรณเป็นผู้รักษา เป็นทิศมงคลด้านอำนาจ มีบารมี มีความมั่นคง มีความกล้าแข็ง เข้มแข็ง เป็นที่เคารพ เกรงขาม

ทิศตะวันออก คือพระกรุณา มีท่านท้าวธะตะรัฎฐะเป็นผู้รักษา เป็นทิศมงคลด้านเสน่ห์ เมตตา มหานิยม เป็นที่รัก เป็นที่ปราถนา และชื่นชอบของคนและเทวดา




ทิศใต้ คือพระมุทิตา มีท่านท้าววิรุฬหะกะเป็นผู้รักษา เป็นทิศมงคลด้านความมั่งคั่ง ร่ำรวย อุดมสมบูรณ์ ทั้งทรัพย์สมบัติ ชื่อเสียง เกียรติยศ และบริวาร

ทิศตะวันตก คือพระอุเบกขา มีท่านท้าววิรูปักษ์เป็นผู้รักษา เป็นทิศมงคลด้านความสงบ ร่มเย็นเป็นสุข มีสันติภาพ ภราดร เป็นที่เคารพ นับถือ เชื่อถือ

สลากไทพลัส 80 บาททุกใบไม่มีบวกเพิ่ม ถูกรางวัลรับเต็ม

ติดต่อทาง  LINE : @ S L T P 7 8 9 

www.สลากไทพลัส.com



ทำความรู้จัก วัดดอนขนาก จังหวัดนครปฐม

สลากไทพลัส อยากพามารู้จักกับวัดที่มีพญานาค 9 ตระกูล ประติมากรรมที่สวยงามอลังการ อยู่ไม่ไกลจากกรุงเทพเลย “วัดดอนขนาก” จังหวัดนครปฐม แต่ก่อนวัดนี้เป็นสำนักสงฆ์มาก่อน พื้นที่บริเวณนี้จึงมีต้นป่าขนากเป็นจำนวนมาก คนในพื้นที่จึงเรียกกันว่าดอนขนาก เพราะเป็นพื้นที่ดอนนั่นเอง




วัดดอนขนาก ได้รับพระราชทานวิสุงคามสีมา เมื่อปี 2550 แต่ได้จัดตั้งเป็นสำนักสงฆ์เมื่อปี 2450 และภายในบริเวณวัดก็ยังมีจุดที่น่าสนใจหลายแห่ง มีสิ่งศักดิ์สิทธิที่รอให้ผู้คนมาสักการะบูชา ขอโชคลาภ พ้นอันตราย สุขภาพแข็งแรง อยากจะขออะไรก็มาได้ที่วัดดอนขนากเลย!

เราจึงอยากแนะนำจุดสำคัญที่พลาดไม่ได้ให้เหล่านักท่องเที่ยวที่อยากมาวัดนี้กันค่ะ “ลอดถ้ำ ลงแพ แลมังกร ไหว้พระนอน วัดดอนขนาก”



วัดดอนขนาก จังหวัดนครปฐม

ถ้ำพญานาค 9 ตระกูล หรือวังพญานาค วัดดอนขนาก สลากไทพลัสจุดนี้น่าสนใจมากค่ะ เหมาะสำหรับคนที่อยากจะมาขอโชคลาภ เงินทอง หรือใครอยากจะขอเลขเด็ด เลขดังก็มาขอกันได้ที่วัดดอนขนาก ได้เลยนะคะ รับรองว่าเฮง ๆ กันทุกคนเลยย กองสลากไท

จุดนี้ได้มีการสร้างถ้ำพญานาคไว้ทางด้านหลัง เพิ่งแล้วเสร็จแล้วค่ะ ภายในสวยงามและน่าขนลุกจนอยากให้มาลองค่ะ ใครเป็นสายลูกหลานพญานาคอยากมาไหว้หรือขอพรก็แนะนำเลยค่ะ จะสัมผัสได้ถึงพลังงานที่ส่งต่อมาทางเรา และด้วยการจัดสรรภายในทำให้มีมุมถ่ายรูปสวย ๆ เยอะเช่นกัน



ถ้ำพญานาค วังพญานาค วัดดอนขนากโบสถ์พระนอนปางไสยาสน์ วัดดอนขนาก

วัดดอนขนาก จุดนี้ไม่มาไม่ได้เลย โบสถ์เก่าประติมากรรมปูนปั้นสีขาวสวยสะดุดตา อลังการด้วยพญานาค และมังกรคายนาคสีขาว ซึ่งมีชื่อว่า พระศรีศากยมุนีโคดม อย่าลืมถ่ายรูปเช็คอินให้เพื่อน ๆ ตามมากันด้วยนะ เมื่อเข้ามาด้านในแล้วก็เชิญสักการะพระพุทธรูป จุดเทียน จุดธูปให้เรียบร้อย

จากนั้นจะสังเกตุเห็นทางลอดใต้โบสถ์ สลากไทพลัส แนะนำอยากให้ทุกคนลอดเพื่อความเป็นสิริมงคลแก่ชีวิต โดยวิธีการคือ ลอดจากทางด้านขวาไปด้านซ้าย แล้วเวียนโบสถ์เก่าไปทางด้านขวา เมื่อเดินไปให้สวดมนต์กันไปด้วยเพิ่มความขลัง

รอบแรกให้สวดบทสรรเสริญพระพุทธคุณ รอบสองสวดบทสรรเสริญพระธรรมคุณ และรอบสุดท้ายให้สวดบทพระสังฆคุณ เพียงเท่านี้ก็จะรู้สึกเย็นสบายเหมือนได้รับพรเลยค่ะ



โบสถ์พระนอนปางไสยาสน์ วัดดอนขนากสถานที่ตั้งวัดดอนขนาก สลากไทพลัส

วัดดอนขนาก อยู่ที่ ตำบลดอนยายหอม อำเภอเมือง จังหวัดนครปฐม จะอยู่ห่างจากพระปฐมเจดีย์ประมาณ 21 กิโลเมตร ให้ใช้เส้นทางจากแยกพระปะโทน เลี้ยวไปทางอำเภอบ้านแฬ้ว

สถานที่พักผ่อนสำหรับนักท่องเที่ยว ภายในวัดดอนขนากไม่ได้มีแค่นี้นะคะ ยังมีร้านกาแฟที่วิวดีมากก จะเห็นทั้งสระน้ำ พระนอน และถ้ำพญานาคครบจบเลยที่เดียว ผู้ที่ใจบุญก็สามารถให้อาหารปลากันได้ เมื่อพร้อมแล้วก็เดินตามรอยพญานาคเข้าไปชื่นชมความสวยงามกันให้เต็มที่เลยค่ะ

สลากไทพลัส 80 บาททุกใบไม่มีบวกเพิ่ม ถูกรางวัลรับเต็ม

ติดต่อทาง  LINE : @ S L T P 7 8 9 

www.สลากไทพลัส.com



อ่านบทความเพิ่มเติมของสลากไทพลัส

สลากไทพลัส ประวัติวัดร่องเสือเต้น จังหวัดเชียงราย

สลากไทพลัส พาไปชมวัดเบญจมบพิตรฯ ที่เก่าแก่

สลากไทพลัส พาตะลุยถ้ำมรกต(เกาะมุก)

สลากไทพลัส เสนอศิลปะเก่าแก่ภายใน วัดศรีคุณเมือง

สลากไทพลัส ประวัติวัดร่องเสือเต้น จังหวัดเชียงราย

 สลากไทพลัส อยากแนะนำให้รู้จัก วัดร่องเสือเต้น จังหวัดเชียงราย พื้นที่ตั้งอยู่ที่หมู่บ้านร่องเสือเต้น ตำบลริมกก อำเภอเมือง จังหวัดเชียงราย โดยสถานที่แห่งนี้ในอดีตเคยเป็นวัดร้างมาก่อน ราว ๆ เมื่อ 80-100 ปีก่อน ซึ่งวัดร่องเสือเต้นได้ถูกสร้างขึ้นจากการที่ชาวบ้านไม่มีสถานที่ทำบุญ จึงได้ร่วมกันสร้างวัดร่องเสือเต้นขึ้นมาเพื่อเป็นศูนย์รวมของชาวบ้านและใช้ประกอบพิธีกรรมทางศาสนาที่สำคัญในวันต่าง ๆ โดยวิหารร่องเสือเต้น สร้างเมื่อ 27 ตุลาคม 2548 มีขนาดกว้าง 13 เมตร ยาว 48 เมตร แล้วเสร็จเมื่อ 22 มกราคม 2559



วัดร่องเสือเต้น ตั้งอยู่ส่วนภูมิภาคเหนือของไทย มีผู้ชมให้ความสนใจและเข้าชมเป็นจำนวนมากเลยก็ว่าได้ในภาคเหนือ เป็นที่น่าสนใจจากนักท่องเที่ยงต่างชาติที่เข้ามาท่องเที่ยวในประเทศไทย เพราะมีสถาปัตยกรรมที่สวยงามและความมีเอกลักษณ์ของประติมากรรมในวัดนี้ วัดแห่งนี้ถูกสร้างขึ้นในปลายศตวรรษที่ 19 ถือเป็นสัญลักษณ์ทางมรดกและวัฒนธรรมของไทย ภายในวัดมีประติมากรรมรูปปั้น งานแกะสลัก ศาลเจ้าอีกมากมาย ทำให้เป็นที่จับตามองที่เหมาะสำหรับนักท่องเที่ยวที่ต้องการสำรวจวัฒนธรรมไทย

วัดร่องเสือเต้นยังเปิดโอกาสให้ผู้มาเยือนได้เรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับพระพุทธศาสนาและศิลปะไทยดั้งเดิม เช่น จิตรกรรม ประติมากรรม และไม้แกะสลัก วัดร่องเสือเต้น ปัจจุบันได้มีการก่อสร้างพระวิหารหลังใหม่ภายในวัด ซึ่งมีศิลปะที่มีความสวยงามแปลกตา ด้วยศิลปะประยุกต์ที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะ โดยใช้เฉดสีน้ำเงิน-ฟ้า แปลกใหม่สำหรับวัดในประเทศไทย ซึ่งศิลปะส่วนใหญ่ภายในวัดนี้มีความคล้ายคลึงกับงานศิลปะของอาจารย์เฉลิมชัยและอาจารย์ถวัลย์

ที่เห็นได้ชัดคือพระวิหารที่มีสีเฉดน้ำเงินอมฟ้า รวมไปถึงพญานาคตัวใหญ่มีความสวยงามน่าดึงดูด มีลวดลายที่ดูแตกต่างจากประติมากรรมแบบเดิม ๆ ผลงานทางศิลปะที่วัดร่องเสือเต้นแห่งนี้ได้ถูกสร้างขึ้นโดยฝีมือของศิลปินบ้านเกิดชาวเชียงรายนั้นเอง หากใครมีเวลาว่างอยากเที่ยวพักผ่อนอากาศเย็นสบายและอยากทำบุญไปด้วย วัดร่องเสือเต้นก็เป็นอีกหนึ่งสถานที่ที่น่าสนใจเลยทีเดียว กองสลากไท



ประติมากรรมวัดร่องเสือเต้น จังหวัดเชียงราย สลากไทพลัส

วัดร่องเสือเต้น มีชื่อเสียงในด้านประติมากรรมที่วิจิตรบรรจง จะเห็นได้ว่าประติมากรรมภายในวัดทำจากปูนขาว เช่น พระพุทธรูปภายในโบสถ์ สลากไทพลัสจึงขอแนะนำเลยว่าสำหรับใครที่ชอบศิลปะที่มีความประณีตต้องมาที่วัดแห่งนี้ให้ได้ ศิลปะเหล่านี้ได้แสดงให้เห็นถึงฝีมือของช่างที่มีความเชี่ยวชาญ ทำให้ตัววัดเองมีทัศนียภาพที่สวยงาม ยังมีภาพบนผนังที่สื่อให้เห็นในหลาย ๆ มุมของวัด และคำสอนตามหลักศาสนา

ประติมากรรมที่วัดร่องเสือเต้นเป็นเสมือนเครื่องยืนยันว่าประติมากรมีความสามารถและยังเป็นแม่แบบแรงบันดาลใจให้คนรุ่นหลังหันมาสนใจในศิลปะ ต่อไปจุดสำคัญอย่างโบสถ์สีน้ำเงินเป็นการประยุกต์ศิลปะที่น่าสนใจและถือว่าแปลกตาสำคัญนักท่องเที่ยวที่พบเห็น ถูกสร้างขึ้นโดยลูกศิษย์ของอาจารย์เฉลิมชัย คือ นายพุทธา กาบแก้ว โดยการใช้สีเฉดเย็นอย่างสีน้ำเงินตัดกับสีทอง เห็นได้จากบันไดพญานาคที่มีความงดงามพริ้วไหวและมีความแตกต่างสะดุดตาคนชม

สีสันสะดุดตาของวิหารเป็นสิ่งหนึ่งที่น่าดึงดูดให้เข้ามาเยี่ยมชม จะแฝงไปด้วยหลักคำสอนตามหลักพระพุทธศาสนาเอาไว้มากมาย สำหรับผู้ที่เชื่อเรื่องของบาปบุญคุณโทษ การทำเหล่านี้ช่วยทำให้เรารู้จักระลึกถึงการกระทำของตัวเราเอง ประติมากรรมที่โดดเด่นคือ พญานาคขนาดใหญ่ที่ตั้งตระหง่านทางด้านหน้า ช่วยเพิ่มความอลังการให้กับวัดเป็นจุดที่นักท่องเที่ยวเห็นแล้วต้องตาโตกันเลยทีเดียว

มาต่อในผนังของโบสถ์จะมีภาพที่เกี่ยวข้องกับพระพุทธศาสนา ดูลายเส้นแล้วมีความอ่อนช้อย พริ้วไหว และอีกจุดคือพระประธาน พระพุทธรัชมงคลบดีตรีโลกนาถ ประธานสีขาวมุก มีแก้วแหวนเงินทองรายล้อม เหมาะแก่คนที่อยากมาขอพรโชคลาภ อยากถูกหวยรางวัลที่หนึ่งกับกองสลากไทพลัส และจะเห็นพระธาตุเกศแก้วจุฬามณี 5 พระองค์ ตั้งสวยงามสูง 20 เมตร วัดเล็ก ๆ แห่งนี้จึงเป็นอีกสถานที่หนึ่งที่มีความน่าสนใจและไม่ควรพลาดที่จะมาเยือน

ประวัตินายพุทธา กาบแก้ว สลากไทพลัส

มาทำความรู้จักกับผู้สร้างวัดแห่งนี้กัน! นายพุทธา กาบแก้ว เกิดวันที่ 5 พฤศจิกายน 2519 จบปริญญาตรีจากสาขาวิชาศิลปะศึกษา และคณะครุศาสตร์ เมื่อปี 2544 เขาจบจากสถาบันราชภัฏเชียงราย เขากล่าวไว้ว่า ผลงานครั้งนี้ได้รับการปรึกษาหารือร่วมกันสร้างขึ้นมา และยังอาศัยคำสอนของอาจารย์ของเขา คือ อาจารย์เฉลิมชัย จนทำให้เขาสามารถสร้างวัดร่องเสือเต้นออกมาได้อย่างสวยงามวิจิตรตระการตา เพราะการที่เคยทำงานร่วมกับอาจารย์เฉลิมชัย ทำให้เขาได้รับแรงบันดาลใจและการฝึกฝนฝีมือเพิ่มมากขึ้น ซึ่งผลคือการได้สร้างวัดแห่งนี้ขึ้นมาด้วย เป็นวัดที่ดูแปลกตาแต่ก็ดูสวยงามไม่เหมือนใครเช่นกัน

เขาได้นิยามพระวิหารว่าเป็นทิพยวิหาร นั่นคือการสรรเสริญพระพุทธเจ้าในรูปแบบของประติมากรรมและจิตรกรรม เมื่อได้เข้าไปแล้วจะทำให้เกิดการรู้สึกตัวและอยากจะรักษาศีลธรรม คุณงามความดีเอาไว้กับตัว โดยการก่อสร้างวัดร่องเสือเต้นเป็นการใช้ศิลปะแบบประยุกต์ ซึ่งเขาได้ศึกษาและเรียนรู้มาจากอาจารย์เฉลิมชัยตั้งแต่ที่ช่วยทำงานที่วัดร่องขุ่น เขาได้สังเกตลวดลายที่พริ้วไหว จึงนำมาปรับใช้ในศิลปะของตนเอง โดยมีแบบอย่างจากอาจารย์ของเขา จะแตกต่างกันที่อาจารย์เฉลิมชัยใช้สีขาวและมีการใช้กระจกด้วย เขาจึงดัดแปลงจากสีขาวมาใช้สีน้ำเงิน ฟ้า เพื่อไม่ให้ซ้ำแทน



เรียกได้ว่าเป็นเอกลักษณืที่ไม่เหมือนใคร เพราะเขามีแนวทางที่ชัดเจน ไม่ลอกเลียนแบบแต่นำมาดัดแปลงในแบบของตัวเอง นอกจากนั้นเมื่อปี 2546 เขาได้เรียนรู้วิชาอีกมากมาย เช่น วิชาปูนปั้น กับช่างมากฝีมือหลายคนที่ช่วยกันสร้างวัดร่องขุ่นในยุคนั้น พวกเขาจึงได้ร่วมกันสร้างวัดร่องเสือเต้น โดยนำสิ่งที่เขาได้เรียนรู้มาอย่างยาวนานมาประยุกต์ใช้ จนทำให้ประสบความสำเร็จในการสร้างวัดร่องเสือเต้น จังหวัดเชียงราย ขึ้นมาได้ ถึงแม้ว่า วัดร่องเสือเต้น จะเป็นวัดเล็ก ๆ ยังไม่โด่งดังมาก แต่เขาก็รู้สึกยินดีและภูมิใจที่ได้มาร่วมสร้างวัดแห่งนี้ สลากไทพลัส กองสลากไท

สถานที่ตั้งวัดและเวลาทำการของวัดเสือร่องเต้น จังหวัดเชียงราย สลากไทพลัส

พิกัดวัดร่องเสือเต้นตั้งอยู่ที่ 306 หมู่ 2 ชุมชนร่องเสือเต้น ต.ริมกก อ.เมือง จังหวัดเชียงราย

เวลาเปิด-ปิดทำการ : 7.00-20.00 น. สลากไทพลัส กองสลากไท

การเดินทางไปยังวัดเสือร่องเต้น จังหวัดเชียงราย สลากไทพลัส

วัดเสือร่องเต้น ตั้งอยู่ห่างจากสะพานแม่น้ำกก 300 เมตร เดินทางบนถนนแม่จันถึงแม่สาย เมื่อถึงสะพานแล้วจะเจอทางแยก ให้เลี้ยวซ้ายประมาณ 250 เมตร เข้าไปถนนสายแม่ยาว เดินตามทางไปประมาณ 50 เมตรเพื่อเข้าสู่ตัววัดได้เลย



วัดร่องเสือเต้น ได้ชื่อว่ามีประติมากรรมที่สลับซับซ้อนแต่ยังคงความสวยงาม ประติมากรรมที่ทำขึ้นได้ทำจากวัสดุหลายชนิด เช่น ไม้ โลหะ และหินต่าง ๆ แสดงให้เห็นถึงเรื่องราวในพระพุทธศาสนา รวมถึงประวัติความเป็นมาที่ถูกถ่ายทอดลงจนผนัง ประติมากรรมที่ถูกสร้างขึ้นนี้ใช้เวลานานหลายเดือน จึงจะออกมาสมบูรณ์แบบ นักท่องเที่ยวก็สามารถเข้าชมศิลปะที่น่าทึ่งเหล่านี้ได้อย่างเพลิดเพลิน และจะเห็นถึงงานศิลปะที่สร้างขึ้นอย่างงดงามโดยช่างฝีมือที่มีความช่ำชอง รู้คุณค่าของงานเหล่านี้ ทำให้วัดร่องเสือเต้นควรค่าแก่การเยี่ยมชมเพื่อสัมผัสผลงานศิลปะที่น่าทึ่ง ฉลากไทพลัส จึงอยากเชิญชวนทุกคนมาชมความงามเหล่านี้ด้วยตัวคุณเอง!

สลากไทพลัส กองสลากไทพลัส สลากไท กองสลากไท

สลากไทพลัส 80 บาททุกใบไม่มีบวกเพิ่ม ถูกรางวัลรับเต็ม

ติดต่อทาง  LINE : @ S L T P 7 8 9 

www.สลากไทพลัส.com



อ่านบทความเพิ่มเติมของสลากไทพลัส




วันอังคารที่ 30 พฤษภาคม พ.ศ. 2566

สลากไทพลัส พาไปชมวัดเบญจมบพิตรฯ ที่เก่าแก่

วัดเก่าแก่ที่งดงามแห่งหนึ่งของประเทศไทย ที่มีพระอุโบสถหินอ่อน ถือเป็นสถาปัตยกรรมที่สมบูรณ์แบบของศิลปะไทยอีกด้วย นั่นคือ วัดเบญจมบพิตรดุสิตวนาราม ราชวรวิหาร เรียกสั้นๆ วัดเบญจมบพิตรฯ สลากไทพลัส กองสลากไท







ภาพถ่ายตอนกลางคืน วัดเบญจมบพิตรฯ สลากไทพลัส

ประวัติ วัดเบญจมบพิตรฯ กองสลากไท

สลากไทพลัส กองสลากไท เปิดประวัติ วัดเบญจมบพิตรดุสิตวนารามราชวรวิหาร หรือ วัดเบญจมบพิตรฯ เดิมเป็นวัดราษฎรวัดแหลม หลังจากปราบกบฏเจ้าอนุวงศ์แล้ว พระองค์เจ้าพนมวัน พร้อมพระอนุชาและพระขนิษฐาร่วมเจ้าจอมมารดาเดียวกันอีก 4 พระองค์ คือ

1. พระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระพิทักษเทเวศร์ (ต้นราชสกุลกุญชร)

2. พระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมหลวงภูวเนตรนรินทรฤทธิ์ (ต้นราชสกุลทินกร)

3. พระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้าอินทนิล

4. พระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้าวงศ์

มีพระประสงค์ที่จะร่วมกันปฏิสังขรณ์วัดแหลม พร้อมทั้งทรงสร้างพระเจดีย์เรียงรายไว้หน้าวัด 5 องค์ ต่อมาพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวโปรดเกล้าฯ พระราชทานนามใหม่ว่า วัดเบญจบพิตร หมายความว่า วัดของเจ้านาย 5 พระองค์

พระอุโบสถวัดเบญจมบพิตร เมื่อแรกสร้าง ในปี พ.ศ. 2441 พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ซื้อที่ดินระหว่างคลองผดุงกรุงเกษมจนถึงคลองสามเสนเพื่อสร้างที่ประทับพักผ่อนพระอิริยาบถส่วนพระองค์ โดยพระราชทานนามว่า “สวนดุสิต” (พระราชวังดุสิต ในปัจจุบัน) ซึ่งบริเวณที่ดินที่ทรงซื้อนั้นมีวัดโบราณ 2 แห่ง คือ วัดดุสิตซึ่งอยู่ในสภาพทรุดโทรมโดยถูกใช้เป็นที่สร้างพลับพลา และวัดร้างอีกแห่งซึ่งจำเป็นต้องใช้ที่ดินของวัดสำหรับตัดเป็นถนน พระองค์จึงทรงกระทำผาติกรรม สร้างวัดแห่งใหม่เพื่อเป็นการทดแทนตามประเพณี โดยทรงเลือกวัดเบญจมบพิตรเป็นวัดที่ทรงสถาปนาตามพระราชดำริว่า การสร้างวัดใหม่หลายวัดยากต่อการบำรุงรักษา ถ้ารวมเงินสร้างวัดเดียวให้เป็นวัดใหญ่ และทำโดยฝีมือประณีตจะดีกว่า จึงโปรดเกล้าฯ ให้สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้ากรมพระยานริศรานุวัดติวงศ์ เป็นผู้ทรงออกแบบก่อสร้างพระอุโบสถและถาวรวัตถุอื่น ๆ และมีพระยาราชสงคราม (กร หงสกุล) เป็นนายช่างก่อสร้าง



เมื่อวันที่ 1 มีนาคม พ.ศ. 2441 พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวเสด็จพระราชดำเนินมายังวัด ในการนี้มีพระบรมราชโองการประกาศพระบรมราชูทิศถวายที่ดินให้เป็นเขตวิสุงคามสีมาของวัด พร้อมทั้งพระราชทานนามวัดใหม่ว่า วัดเบญจมบพิตร อันหมายถึง วัดของพระเจ้าแผ่นดินรัชกาลที่ 5 และเพื่อแสดงลำดับรัชกาลในราชวงศ์จักรี ต่อมา พระองค์ได้ถวายที่ดินซึ่งพระองค์ขนานนามว่า ดุสิตวนาราม ให้เป็นที่วิสุงคามสีมาเพิ่มเติมแก่วัดเบญจมบพิตร และโปรดฯ ให้เรียกนามรวมกันว่า วัดเบญจมบพิตรดุสิตวนาราม

เมื่อมีการจัดระเบียบพระอารามหลวงในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวในปี พ.ศ. 2458 วัดเบญจมบพิตรดุสิตวนารามจัดเป็นพระอารามหลวงชั้นเอก ชนิดราชวรวิหาร ดังนั้น ชื่อวัดจึงมีสร้อยนามต่อท้ายด้วย “ราชวรวิหาร” ดังเช่นในปัจจุบัน

ภาพถ่ายพระอุโบสถ วัดเบญจมบพิตรฯ สลากไทพลัส

ข้อมูล วัดเบญจมบพิตรฯ

วัดเบญจมบพิตรดุสิตวนาราม หรือ วัดเบญจมบพิตรฯ ตั้งอยู่ที่ เขตดุสิต กรุงเทพฯ ค่ะ แต่เดิมนั้นมีชื่อว่า วัดแหลม หรือ วัดไทร ทอง และไม่ปรากฏหลักฐานว่าสร้างขึ้นเมื่อใด ต่อมาในภายหลังได้รับพระราชทานนามจาก พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 4 ใหม่ว่า วัดเบญจบพิตร ซึ่งหมายถึง วัดของเจ้านาย 5 พระองค์ที่ทรงร่วมกันปฏิสังขรณ์วัดแห่งนี้นั่นเอง

ต่อมา พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 ทรงสร้าง สวนดุสิต ขึ้น และพระองค์ทรงสถาปนาวัดด้วยศิลปะสถาปัตยกรรมไทยโบราณ มีการวางแปลนแยกสัดส่วนเป็นเขตพุทธาวาส สังฆาวาส และที่ธรณีสงฆ์ ทำให้ที่นี่เป็นวัดที่มีการวางแปลนแผนผังที่ดีที่สุดวัดหนึ่ง และพระราชทานนามว่า “วัดเบญจมบพิตรดุสิตวนาราม” ซึ่งหมายถึง “วัดของพระเจ้าแผ่นดินรัชกาลที่ 5” และเราก็ใช้ชื่อนี้มาจนถึงปัจจุบันค่ะ




ภายในวัดมีสถานที่สำคัญ และน่าสนใจมากมายทั้ง ศาลาสี่สมเด็จ พระที่นั่งทรงธรรม หอระฆังบวรวงศ์ พระอุโบสถ พิพิธภัณฑ์สถานแห่งชาติ วัดเบญจมบพิตร ซึ่งเป็นพิพิธภัณฑ์ที่สร้างขึ้นในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว เพื่อจัดแสดงพระพุทธรูปโบราณในสมัยต่างๆ ทั้งในและนอกประเทศ อีกทั้งยังมีสถานที่อื่นๆ ให้เยี่ยมชมอีกมากมายค่ะ สลากไทพลัส กองสลากไท

ภาพถ่ายพระพุทธรูป วัดเบญจมบพิตรฯ กองสลากไท

อาณาเขตวัดเบญจมบพิตร

ตั้งอยู่บริเวณถนนนครปฐมติดคลองเปรมประชากร ระหว่างสถานที่สำคัญๆ คือ พระราชวังดุสิต พระที่นั่งอนันตสมาคม พระตำหนักจิตลดารโหฐาน เขาดินวนา และทำเนียบรัฐบาล มีกำแพงล้อมรอบและซุ้มประตูเข้า-ออก เป็นเหล็กหล่อลวดลายโปร่งเหมือนกันหมดทั้ง 4 ด้าน



ทิศเหนือ : มี 3 ประตู

ทิศใต้ : มี 2 ประตู ทิศตะวันออก : มี 3 ประตู

ทิศตะวันตก : มี 2 ประตู

ที่ตั้ง วัดเบญจมบพิตร

ที่ตั้ง : 69 ถนนนครปฐม แขวงจิตรลดา เขตดุสิต กรุงเทพมหานคร 10300 เนื้อที่ 26ไร่ 1งาน 66ตารางวา

สลากไทพลัส กองสลากไท

สลากไทพลัส 80 บาททุกใบไม่มีบวกเพิ่ม ถูกรางวัลรับเต็ม

ติดต่อทาง  LINE : @ S L T P 7 8 9 

www.สลากไทพลัส.com



อ่านบทความเพิ่มเติมของสลากไทพลัส

สลากไทพลัส พาตะลุยถ้ำมรกต(เกาะมุก)

สลากไทพลัส กองสลากไท พาชม ถ้ำมรกต(เกาะมุก) นับเป็นจุดเด่นที่สุดในทะเลตรัง ลักษณะของเกาะทางด้านทิศตะวันตกส่วนใหญ่เป็นโขดหน้าผาหินสูงตระหง่านหันหน้าออกสู่ทะเล และเป็นที่ตั้งของถ้ำมรกต ทางฝั่งตะวันออกเป็นที่ตั้งของหมู่บ้านชาวประมง ที่ยังคงวิถีชีวิตของชาวเกาะไว้และมีที่พักหลากหลาย เกาะมุกมีหาดทรายขาวสะอาดและมีจุดดำน้ำดูปะการังที่สวยงาม




ภาพถ่ายบรรยากาศ ถ้ำมรกต(เกาะมุก) 

กองสลากไท : ข้อมูลของ ถ้ำมรกต(เกาะมุก)

กองสลากไท สลากไทพลัส นำข้อมูล ถ้ำมรกต(เกาะมุก) มาให้ทุกท่านรู้จัก

เป็นถ้ำน้ำทะเลที่มีความงดงามตระการตาอย่างมาก จากปากทางเข้าถ้ำซึ่งเป็นโพรงเล็ก ๆ จะเข้าออกได้เฉพาะช่วงน้ำลงเท่านั้น ปากถ้ำเป็นโพรงเล็ก ๆ การเข้าออกจะต้องลอยคอในน้ำ ลอดถ้ำอันมืดมิดผ่านเส้นทางคดโค้ง ระยะทางจากปากถ้ำเข้าไปประมาณ 80 เมตร เข้าแถวเรียงหนึ่งตามคนนำทาง จับคนข้างหน้าไว้ให้มั่น ไม่งั้นอาจหลงทางได้


  

เมื่อพ้นปากถ้ำออกมาอีกด้านหนึ่งจะเป็นหายทรายขาดสะอาด น้ำใสน่าเล่น ล้อมรอบด้วยหน้าผาสูงชัน ที่มีท้องฟ้าเป็นหลังคา และผนังแต่งแต้มด้วยลายเขียวของใบไม้ โพรงที่ลอดเข้า ถ้ำมรกต จะอยู่ทางด้านทิศตะวันตกของตัวเกาะ ยาวแสงอาทิตย์ทำมุมพอเหมาะ ทั้งเกาะและเวิ้งถ้ำก็พลันกลายเป็นสีเขียวมรกตงดงาม ประหนึ่งจิตรกรรมแห่งธรรมชาติ ที่ได้บรรจงสร้างให้มวลมนุษย์ได้ชื่นชม

ตั้งอยู่ในพื้นที่อุทยานแห่งชาติหาดเจ้าไหม บรรยากาศเงียบสงบและเป็นส่วนตัว ทางด้านฝั่งตะวันออกเป็นที่ตั้งของท่าเรือ มีหมู่บ้านชาวประมงที่ยังคงวิถีชีวิตของชาวเกาะไว้และมีที่พักที่หลากหลายกว่าทางฝั่งตะวันตก ซึ่งส่วนใหญ่เป็นโขดหินหน้าผาสูงตระหง่านหันหน้าออกสู่ทะเลและเป็นที่ตั้งของถ้ำมรกต นอกจากนี้รอบ ๆ เกาะมุกยังมีหาดทรายขาวสะอาดและมีจุดดำน้ำดูปะการังที่สวยงาม อุทยานแห่งชาติหาดเจ้าไหมจะปิดการท่องเที่ยวบริเวณเกาะมุกเพื่อฟื้นฟูธรรมชาติตั้งแต่วันที่ 1 มิถุนายนถึงวันที่ 30 กันยายนของทุกปี

การเข้าชมภายในถ้ำจะต้องลอยตัวเป็นกลุ่มจากปากถ้ำผ่านความมืดระยะทาง 80 เมตร บริเวณปากถ้ำจะพบแสงแดดสะท้อนกับน้ำในถ้ำทำให้เห็นน้ำเป็นสีเขียวมรกต ส่วนอีกด้านเป็นโพรงถ้ำขนาดใหญ่ ด้านในมีหาดทรายขาวสะอาดล้อมรอบด้วยหน้าผาสูงชันและมีแสงส่องสว่าง


ภาพถ่ายบรรยากาศตอนค่ำบนหาด ถ้ำมรกต(เกาะมุก)

สิ่งที่ควรรู้ของ ถ้ำมรกต(เกาะมุก)

อุทยานแห่งชาติหาดเจ้าไหมจะปิดการท่องเที่ยวบริเวณเกาะมุกเพื่อฟื้นฟูธรรมชาติตั้งแต่วันที่ 1 มิถุนายนถึงวันที่ 30 กันยายนของทุกปี การเดินทาง สามารถเช่าเรือแบบเหมาลำจากท่าเทียบเรือปากเมง อำเภอสิเกา ใช้เวลาเดินทาง 40 นาที หรือซื้อแพ็กเกจนำเที่ยวแบบเช้าไปเย็นกลับจากผู้ประกอบการนำเที่ยวในบริเวณท่าเทียบเรือปากเมง นอกจากนี้ยังสามารถเช่าเหมาเรือจากท่าเรือควนตุ้งกู อำเภอกันตัง เพื่อไปท่องเที่ยวถ้ำมรกตได้ด้วย

การเดินทาง มีเรือโดยสารออกจากท่าเรือควนตุ้งกู ห่างจากอำเภอกันตังประมาณ 22 กิโลเมตร ใช้เส้นทางเดียวกับหาดยาว แต่อยู่เลยสามแยกบ้านน้ำราบ ทางเข้าหาดยาวประมาณ 5 กิโลเมตร จากท่าเรือควนตุ้งกูใช้เวลาเดินทางไปเกาะมุกประมาณ 30 นาที มีเรือโดยสารแบบเป็นรอบและแบบเหมาลำให้บริการ ตั้งอยู่ทางด้านทิศตะวันตกบนเกาะมุก



ภาพถ่ายแสงส่องปากช่องถ้ำ ถ้ำมรกต(เกาะมุก)

สิ่งที่น่าสนใจของ ถ้ำมรกต(เกาะมุก)

กองสลากไท เกาะมุก มิใช่มีเพียง ถ้ำมรกต เท่านั้น แต่ทางด้านฝั่งตะวันออกยังมีชายหาดที่สวยงาม บริเวณแหลม ๆ ทางด้านทิศตะวันออก เป็นที่อยู่อาศัยของ ชุมชนบ้านเกาะมุก ซึ่งเป็นหมู่บ้านชาวประมง สามารถเดินเที่ยวรอบเกาะได้ ด้ายซ้ายและขวาของแหลมคือ หาดหัวแหลม และ อ่าวพังงา มีหาดทรายขาวละเอียดสวยงาม สลากไทพลัส



วันเวลาที่แนะนำ

           ช่วงเวลาที่ดีที่สุดในการเที่ยวถ้ำมรกต คือ ช่วงที่น้ำขึ้นเต็มที่ในแต่ละวัน เนื่องจากจะเห็นทะเลสาบสีมรกตงดงาม

           เวลาที่แสงจะลอดปากปล่องถ้ำมรกตลงมา คือ ระหว่าง 10.00 – 14.00 น. ซึ่งการลอดถ้ำสามารถทำได้ตลอดเวลา

           เดือนที่เหมาะสมในการท่องเที่ยว คือ ระหว่างเดือนพฤศจิกายนถึงต้นเดือนพฤษภาคม เพราะเป็นเวลาน้ำลง เพื่อมุดเข้าถ้ำมรกตได้สลากไทพลัส กองสลากไท

สลากไทพลัส 80 บาททุกใบไม่มีบวกเพิ่ม ถูกรางวัลรับเต็ม

ติดต่อทาง  LINE : @ S L T P 7 8 9 

www.สลากไทพลัส.com



อ่านบทความเพิ่มเติมของสลากไทพลัส






สลากไทพลัส เสนอศิลปะเก่าแก่ภายใน วัดศรีคุณเมือง

สลากไทพลัส กองสลากไท นำเสนอ วัดศรีคุณเมือง จ.เลย วัดที่ถูกยกย่องให้เป็นแหล่งรวมงานศิลปะทั้งแบบล้านนาและล้านช้าง โดยจุดเด่นของวัดนี้คือ โบสถ์เก่าแก่ที่มีลวดลายศิลปะอันวิจิตรบรรจงแบบล้านนา ภายในประดิษฐานพระพุทธรูปปางนาคปรก ที่มีอายุกว่า 300 ปี นอกจากนี้ยังเป็นแหล่งเก็บรวบรวมโบราณวัตถุศิลปะล้านช้าง ที่บางชิ้นได้ถูกขึ้นทะเบียนให้เป็นโบราณวัตถุศิลปวัตถุของชาติ ซึ่งวัดนี้อยู่คู่บ้านคู่เมืองเชียงคานมาอย่างยาวนาน จึงทำให้เมื่อวัดสำคัญทางศาสนาต่างๆ จะเต็มไปด้วยผู้คนชาวเชียงคานและนักท่องเที่ยว เข้ามาทำบุญ ฟังเทศน์ ฟังธรรม หากใครที่มาเที่ยวค้างคืนที่เชียงคาน ก็เหมาะที่จะเวาะไปกราบไหว้เพื่อเป็นสิริมงคล เวาะชมความสวยงามของศิลปะโบราณ





ภาพถ่ายมุมกว้าง วัดศรีคุณเมือง 

ประวัติ วัดศรีคุณเมือง สลากไทพลัส

สลากไทพลัส กองสลากไท วัดศรีคุณเมือง หรืออีกชื่อ วัดใหญ่ ตั้งอยู่ทางด้านเหนือของตลาดเชียงคาน เป็นวัดเก่าแก่ที่อยู่คู่บ้านคู่เมืองเชียงคานมาตั้งแต่ พ.ศ. 2485 ภายในวัดมีโบสถ์ขนาดเล็กที่คาดว่ามีอายุมากกว่า 100 ปี โดยตัวโบสถ์ถูกสร้างในตามแบบศิลปะล้านนาผสมผสานกับศิลปะล้านช้าง โดยมีลักษณะหลังคาลดหลั่นพร้อมลวดลายที่วิจิตรบรรจง มีรูปปั่นสิงห์และยักษ์ เป็นผู้พิทักษ์ปกป้องพระพุทธศาสนาอยู่ตรงบันได ด้านหน้าทางเข้าโบสถ์จะมีภาพจิตรกรรมฝาผนัง เต็มอยู่หน้าบรรณ ซึ่งเป็นภาพวาดจากนิทานชาดกชุดพระเจ้าสิบชาติที่วาดขึ้นใหม่แทนของเดิม ส่วนภายในโบสถ์เป็นที่ประดิษฐานพระพุทธรูปปางนาคปรกที่เป็นพระประธาน ขนาดหน้าตักกว่า 60 นิ้ว กว้าง 120 นิ้ว เหนือพระเศียรจะเป็นหัวพญานาค 9 เศียร ด้านหน้ารอบๆองค์พระประธาน จะมีพระพุทธรูปปางต่างๆ อีกหลายองค์ นอกจากนี้ภายในโบสถ์ยังมี ธรรมาสน์ไม้สักแกะสลักลายประดับกระจกสี พระพุทธรูปยืนชนิดไม้ทาน้ำทอง พระพุทธรูปปางประธานอภัยชนิดไม้ทาน้ำทอง ศิลาจารึกชนิดหิน ซึ่่งทั้ง 4 อย่างนี้เป็นโบราณวัตถุศิลปะล้านช้างที่มีอายุพุทธศตวรรษที่ 23 – 24 ที่บางชิ้นได้ถูกขึ้นทะเบียนให้เป็นโบราณวัตถุศิลปวัตถุของชาติ



ภาพถ่ายงานศิลปะภายใน วัดศรีคุณเมือง

ที่ตั้ง วัดศรีคุณเมือง

วัดศรีคุณเมือง ตั้งอยู่เลขที ๓๗๕ บ้านเชียงคาน ถนนชายโขง หมู่ที่ ๑ ตำบลเชียงคาน อำเภอเชียงคาน จังหวัดเลย สังกัดคณะสงฆ์มหานิกาย ที่ดินตั้งวัดมีเนื้อที่ ๕ ไร่ ๑ งาน ๑๒ ตารางวา โฉนด เลขที่ ๓๒๙ อาณาเขต ทิศเหนือประมาณ ๒ เส้น ๒ วา ๒ ศอก จดถนนชายโขง ทิศใต้ประมาณ ๒ เส้น ๘ วา ๒ ศอก จดที่ประชาชน ทิศตะวันออกประมาณ ๒ เส้น ๑๐ วา ๒ ศอก จดทางสาธารณประโยชน์ ทิศตะวันตก ประมาณ ๒ เส้น ๙ วา ๑ ศอก จดทางสาธารณประโยชน์ มีที่ธรณีสงฆ์จำนวน ๓ แปลง โฉนด เลขที่ ๙๗๘๑๑๙๗๔๑๓๖



สลากไทพลัส กองสลากไท

หน้าปกบทความ ถ้ำมรกต(เกาะมุก) สลากไทพลัส กองสลากไท

สลากไทพลัส 80 บาททุกใบไม่มีบวกเพิ่ม ถูกรางวัลรับเต็ม

ติดต่อทาง  LINE : @ S L T P 7 8 9 

www.สลากไทพลัส.com



อ่านบทความเพิ่มเติมของสลากไทพลัส





สลากไทพลัส พาไปหามุมถ่ายรูปคูลๆที่ ตึกชิโนโปตุกีส

ใครที่ชอบถ่ายรูปกับสถานที่ชิค ๆ คูล ๆ พร้อมเก็บภาพความประทับใจด้วยการกดชัตเตอร์รัว ๆ กับการแต่งตัวด้วยสไตล์ที่เป็นตัวของตัวเองแล้วล่ะก็ สลากไทพลัส กองสลากไท แนะนำเลยกับการไปเยี่ยมชม ตึกชิโนโปตุกีส ตั้งที่อยู่จังหวัดภูเก็ต ด้วยความสวยงามตามแบบฉบับดั้งเดิมของชุมชนเก่าแก่ที่นี่ จึงได้รับการขนานนามว่าที่นี่เป็นเมืองเก่าภูเก็ต ที่เต็มไปด้วยตึกรามบ้านช่องที่ถูกออกแบบมาตามดีไซน์ดั้งเดิม จึงเหมาะกับการเก็บภาพความประทับใจเป็นที่สุด ที่นี่ถือว่าเป็นจุดท่องเที่ยวที่ได้รับความนิยมของนักท่องเที่ยวที่นิยมและชื่นชอบในสไตล์วินเทจ ในแต่ละวันจึงมักจะมีนักท่องเที่ยวแต่งตัวเก๋ ๆ มาถ่ายรูปกันอย่างมากมาย



ภาพถ่ายตึกบางส่วนของ ตึกชิโนโปตุกีส 

ตึกชิโนโปตุกีส รากเหง้า เมืองเก่าภูเก็ต กองสลากไท

สลากไทพลัส กองสลากไท บอกเลยว่าคสรไปดู ตึกชิโนโปตุกีส เพราะเป็นสถาปัตยกรรมเปี่ยมเสน่ห์เก๋ล้ำด้วยวัฒนธรรม 2 ทวีป คือคำจำกัดความของสถาปัตยกรรมใจกลางเมืองภูเก็ตอย่างตึกชิโนโปตุกีส ที่ผสมผสานการตกแต่งของชาวจีนและรูปแบบการสร้างสไตล์ยุโรปไว้ได้อย่างลงตัว แต่เพราะต้องการยกย่องโปรตุเกส ชาวยุโรปชาติแรกที่เข้ามาเจริญสัมพันธไมตรีกับภูเก็ต จึงเรียกสถาปัตยกรรมนี้ว่า ชิโน–โปตุกีสการผสมผสมที่กลมกลืนของวัฒนธรรมตะวันตกและตะวันออกส่งผลให้ตึกแห่งนี้มีคุณค่าผ่านกาลเวลา เป็นทั้งแลนด์มาร์กสำคัญของนักท่องเที่ยวและสถานที่ซึ่งควรค่าแก่การอนุรักษ์ของชาวภูเก็ตในปัจจุบัน



ภาพถ่ายงานภาพวาดบนกำแพงร.9 ตึกชิโนโปตุกีส

จุดเด่นของ ตึกชิโนโปตุกีส

กองสลากไท สลากไทพลัส ขอบอกจุดเด่นของที่นี่คือมีตึกรามบ้านช่องรายล้อมอยู่ตามเส้นถนนของจังหวัดภูเก็ตมากมาย จนอาจดูเหมือนว่าเป็นเมืองเมืองหนึ่งเลยทีเดียว โดยมีตึกที่น่าไปเดินรับชมความงามบนถนนหลายสายด้วยกัน ซึ่งสามารถแบ่งออกเป็น 6 ช่วงถนน คือ ช่วงที่ 1 ถนนภูเก็ต ถนนรัษฎา และถนนระนอง ช่วงที่ 2 ถนนพังงา ถนนภูเก็ต และถนนมนตรี ช่วงที่ 3 ถนนถลาง และซอยรมณีย์ ช่วงที่ 4 ถนนกระบี่ และถนนสตูล ช่วงที่ 5 ถนนเยาวราช ตรอกสุ่นอุทิศ ถนนดีบุก และช่วงที่ 6 คือ  ถนนกระษัตรี โดยแต่ละช่วงถนนจะมีสถาปัตยกรรมที่แตกต่างกันไปบ้างเล็กน้อย แต่โดยรวมแล้วก็ยังถือว่ามีสไตล์การออกแบบตึกแต่ละแห่งที่คล้ายคลึงกัน



ภาพถ่ายงานศิลปะภาพวาดบนกำแพงบางส่วนของ ตึกชิโนโปตุกีส

ถนนถลางและซอยรมณีย์ ถนนสายประวัติศาสตร์อันเก่าแก่ ถนนเส้นนี้ คือ ศูนย์กลางของการท่องเที่ยวย่านเก่าภูเก็ต ที่มีอาคารตึกแถวเก่าจำนวนมาก รวมทั้งร้านค้า ร้านอาหาร ร้านกาแฟ และร้านขายของที่ระลึก มากมายหลายร้าน ตัวตึกมีรูปแบบการตกแต่งช่องหน้าต่างโค้ง ตามแบบสถาปัตยกรรมยุคนีโอคลาสสิค มีลวดลายที่ดงามเน้นธรรมชาติเถาไม้ ใบไม้ และรูปสัตว์ ตึกแถวบริเวณนี้มีลักษณะเด่นอยู่ที่ประตูด้านหน้า เป็นแบบบานเฟี้ยมไม้เก่าแก่ ช่วงเสาจะกว้างเท่ากับตึก 2 คูหารวมกัน มีการนำศิลปะการเจาะช่อง หน้าต่างและลวดลายปูนปั้นแบบอาร์ตเดโคมาใช้ได้อย่างกลมกลืน และสวยงาม ซึ่งในปัจจุบันบ้านเรือนและอาคารหลายหลัง มีการทาสีใหม่ แต่ยังคงรูปแบบเดิมไว้ถนนเยาวราชตัดกับถนนดีบุก จากซอยรมณีย์ สามารถเดินลัดเลาะไปยังถนนเยาวราช ถนนเส้นนี้มีภาพของในหลวงรัชกาลที่ 9 บริเวณแยกเยาวราชถนนพังงา ถนนภูเก็ต ถนนมนตรี ตั้งอยู่ไม่ไกลจากแยกถลาง มีอาคารที่น่าสนใจ คือ ศูนย์รวมข่าวพรหมเทพ ถือได้ว่าเป็นอาคารสัญลักษณ์ของย่านเก่าภูเก็ต แต่ก่อนเป็นตึกเก่าแก่สีขาว ปัจจุบันทาสีใหม่เป็นสีเหลืองโดดเด่น ด้วยหอนาฬิกาสูง 4 ชั้น มีหลังคาคล้ายรูปหมวกตำรวจสมัยก่อน ช่องประตูหน้าต่างแบ่งเป็นช่องโค้งมีเสาอิงแบ่ง เป็นช่วงประดับลายปูนปั้นบนยอดซุ้มโค้งสวยงาม เลี้ยวขวาเข้าถ.รัษฎาไปจนถึงวงเวียนสุริยเดช และตรงไปตามถ.ระนอง



ถนนกระบี่ และถนนสตูล เส้นทางสายนี้มีอาคารเก่าที่ชวนชมอย่างอาคาร พิพิธภัณฑ์ภูเก็ตไทยหัว เป็นตึก 2 ชั้น ชั้นล่างมีซุ้มโค้งเตี้ยขนาดใหญ่ 3 ซุ้ม มีเสากลมรับโค้ง หัวเสาประดับด้วยลายบัวแบบกึ่งไอโอนิคและคอรินเธียน ผนังอาคารเซาะร่องขนาดใหญ่ เรียกว่า Rustication ชั้นบนมีซุ้ม หน้าต่าง 3 ซุ้ม มีช่องหน้าต่าง 2 ช่องกรอบหน้าต่างด้านบนเป็นจั่วโรมัน บานหน้าต่างไม้สี่เหลี่ยม มีลวดลาย เรขาคณิต เหนือซุ้มช่วงกลางมีหน้าจั่วปูนปั้นรูปค้างคาวสลากไทพลัส กองสลากไท

สลากไทพลัส 80 บาททุกใบไม่มีบวกเพิ่ม ถูกรางวัลรับเต็ม

ติดต่อทาง  LINE : @ S L T P 7 8 9 

www.สลากไทพลัส.com



กองสลากไท พาชมที่เที่ยวธรรมชาติที่แสนพิเศษบ่อน้ำพุร้อนฝาง

สลากไทพลัส บ่อน้ำพุร้อนฝาง ตำบลบ้านปิน อำเภอฝาง จังหวัดเชียงใหม่ ตั้งอยู่ภายในบริเวณอุทยานแห่งชาติดอยผ้าห่มปก เป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่ไม่ได้หาเที่ยวชมกันได้ง่าย ๆ เพราะไม่ใช่ว่าทุกที่จะมีบ่อน้ำพุร้อน ด้วยน้ำที่ผุดขึ้นมาจากใต้ดินมีอุณหภูมิมากถึง 100 องศาเซลเซียส ซึ่งเป็นจุดเดือดของน้ำนั่นเอง แต่ก็ไม่ใช่ทุกบ่อจะอุณหภูมิเท่ากัน โดยอุณหภูมิทั่วไปจะอยู่ในช่วง 30 – 80 องศาเซลเซียส ซึ่งภายในบริเวณอุทยานนั้นไม่ได้มีเพียงบ่อเดียวเท่านั้น แต่มีมากมายเกือบ 50 บ่อ เพราะที่นี่มีเนื้อที่กว่า 10 กว่าไร่ เป็นจุดที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างมากในหมู่นักท่องเที่ยวน้ำพุร้อนเกิดจากอะไรนะตาม กองสลากไท มาดูกัน




ภาพถ่ายป้ายอุทยานและน้ำพุร้อน บ่อน้ำพุร้อนฝาง

บ่อน้ำพุร้อนฝาง เกิดจากอะไรนะ สลากไทพลัส

ก่อนไปชม บ่อน้ำพุร้อนฝาง สลากไทพลัส กองสลากไท ชวนมาศึกษาหาความรู้กันสักนิดค่ะว่าบ่อเหล่านี้เกิดขึ้นได้อย่างไร บ่อน้ำพุร้อนเกิดจากแม็กม่าที่เป็นของเหลวอุณหภูมิสูงใต้เปลือกโลกจะไหลซึมหรือแทรกตามรอยแตกของหินชั้นต่าง ๆ เพื่อจะขึ้นมาบนเปลือกโลกทำให้ชั้นหินที่แม็กม่าไหลผ่านนั้นมีอุณหภูมิสูงขึ้น และอย่างที่เราทราบกันแล้วว่าใต้ดินก็มีน้ำสะสมอยู่เราเรียกว่าน้ำบาดาล มวลน้ำเหล่านี้ได้เกิดการไหลผ่านหินที่มีอุณหภูมิสูง น้ำจึงได้รับความร้อนไปด้วย และเกิดแรงดัน ดันตัวเองผ่านรอยแยกของหินชั้นต่าง ๆ พุ่งขึ้นมาบนพื้นผิวโลก เกิดเป็นน้ำพุร้อนที่มีไอร้อน มีควันลอยฟุ้งกระจายอยู่ตลอดเวลานั่นเองค่ะ



ภาพถ่ายน้ำพุร้อนพุ่งสูง บ่อน้ำพุร้อนฝาง

สลากไทพลัส : ประโยชน์ของน้ำพุร้อนก็มีนะ

นอกจากน้ำที่พุ่งขึ้นมาจากบ่อยังมีแร่ธาตุที่มีประโยชน์มากมาย เช่น โซเดียม แคลเซียม ซัลเฟอร์ แร่ธาตุเหล่านี้มีคุณสมบัติช่วยรักษาโรคไขข้ออักเสบ โรคผิวหนัง กระตุ้นระบบไหลเวียนเลือดได้เป็นอย่างดี ทางอุทยานและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้ศึกษาแล้วว่าสามารถให้นักท่องเที่ยวอาบได้ จึงมีการจัดทำห้องอบไอน้ำ ห้องอาบน้ำแร่ และยังมีบ่อน้ำพุร้อนที่ให้นักท่องเที่ยวสามารถลงอาบได้ ที่นี่มีบริการค่อนข้างจะครบครัน เช่น ร้านอาหารและเครื่องดื่ม มีร้านค้า ห้องน้ำ ห้องสุขาที่สะอาดถูกสุขลักษณะ และยังมีบริการที่พัก มีทั้งแบบกางเต็นท์นอน และแบบบ้านพักของอุทยาน บอกได้เลยค่ะว่าใครมาเที่ยว บ่อน้ำพุร้อนฝาง ช่วงหน้าหนาวต้องฟินสุด ๆ ไปเลยค่ะ



ภาพถ่ายกิจกรรมต้มไข่ใน บ่อน้ำพุร้อนฝาง

กิจกรรมดีๆใน บ่อน้ำผุร้อนฝาง

แน่นอนว่ามีน้ำร้อนแบบนี้ จะให้ชมด้วยตาอย่างเดียวก็คงจะไม่ใช่ ที่นี่มีกิจกรรมมากมายหลายอย่างด้วยกันเลยค่ะ ทั้ง การต้มไข่ เส้นทางเดินศึกษาธรรมชาติบ่อน้ำพุร้อน การชมน้ำพุร้อนขนาดใหญ่ การอบตัว อาบน้ำแร่ การแช่เท้า เป็นต้นค่ะ ต้องบอกว่าว่าเพียบบ กิจกรรมแน่นสุดๆ รวมถึงยังมีจุดกางเต็นท์ บ้านพักของอุทยานฯ ให้บริการอีกด้วย



สามารถตรงมาจากอำเภอเมืองของเชียงใหม่ โดยเข้ามาที่ อำเภอฝาง ใช้ถนนเส้นทางหลวงหมายเลข 107 ไปประมาณ 160 กิโลเมตร หรือ 3 ชั่วโมงกว่าๆ จากนั้นพอเข้าสู่อำเภอฝางแล้ว ก็ให้สังเกตุทางแยกด้านซ้ายมือตรงนี้จะมีป้ายบอกทางไป บ่อน้ำพุร้อนฝาง และอุทยานฯ ค่ะ ก็ให้ตามป้ายไปเลย ขับไปอีกประมาณ 10 กิโลเมตร ก็จะถึงตัวบ่อน้ำพุร้อนฝาง แล้วค่ะ

สลากไทพลัส กองสลากไท

สลากไทพลัส 80 บาททุกใบไม่มีบวกเพิ่ม ถูกรางวัลรับเต็ม

ติดต่อทาง  LINE : @ S L T P 7 8 9 

www.สลากไทพลัส.com


อ่านบทความเพิ่มเติมของสลากไทพลัส




ไทยพลัสนิวส์ 10 อาหารที่กินแล้วทำให้ แก่วัย

 ไทยพลัสนิวส์ 10 อาหารที่กินแล้วทำให้ แก่วัย ไทยพลัสนิวส์ 10 อาหารที่กินแล้วทำให้ แก่วัย เรื่องของอาหารการกิน ยังไงก็เป็นเรื่องที่สำคัญ ต่อร...