วันอังคารที่ 4 เมษายน พ.ศ. 2566

ประวัติความเป็นมาของวัดโมลีโลกยารามราชวรวิหาร โดย สลากไทพลัส กองสลากไทพลัส

สวัสดีวันนี้ สลากไทพลัส จะมาเสนอความเป็นมาของวัดโมลีโลกยารามราชวรวิหาร สร้างมาแต่สมัยกรุงศรีอยุธยา ตั้งอยู่ ณ เลขที่ ๒ หลังพระราชวังเดิมครั้งกรุงธนบุรี ริมคลองบางกอกใหญ่ หรือคลองบางหลวง ฝั่งเหนือ แขวงวัดอรุณ เขตบางกอกใหญ่ กรุงเทพมหานคร



วัดโมลีโลกยารามราชวรวิหาร หรือชื่อเดิมว่า วัดท้ายตลาด ตั้งอยู่บริเวณพระราชวังเดิม แขวงวัดอรุณ เขตบางกอกใหญ่ กรุงเทพมหานคร เป็นพระอารามหลวงชั้นโท ชนิดราชวรวิหาร เป็นวัดที่สร้างในสมัยอยุธยา ไม่ปรากฏนามผู้สร้าง และเหตุที่เรียกว่าวัดท้ายตลาดเนื่องจากอยู่ต่อจากตลาดเมืองธนบุรี ปัจจุบันชาวบ้านยังนิยมเรียกชื่อนี้อยู่

ในสมัยธนบุรี วัดนี้เป็นวัดในเขตพระราชฐาน จึงไม่มีพระสงฆ์อยู่ตลอดช่วงรัชกาล ในรัชกาลที่ 3 ได้รับการปฏิสังขรณ์ใหม่ทั่วทั้งพระอาราม และทรงเปลี่ยนนามใหม่ว่า "วัดโมลีโลกยสุธาราม" ภายหลังมาเรียกกันว่า "วัดโมลีโลกยาราม" วัดโมลีโลกยารามเป็นสำนักเรียนพระปริยัติธรรมแผนกบาลีที่มีผู้สอบได้เปรียญธรรมมากเป็นระดับต้นๆ ของประเทศ สิ่งก่อสร้างสำคัญประกอบด้วย



พระอุโบสถ ลักษณะทรงไทยยุคต้นแห่งกรุงรัตนโกสินทร์ มีพระประธานปางมารวิชัยทรงฉัตร 7 ชั้น (พระพรหมกวี (วรวิทย์ คงฺคปญฺโญ) อดีตเจ้าอาวาสรูปที่ 12 ได้ถวายนามว่า "พระพุทธโมลีโลกนาถ") และพระอัครสาวกขวา-ซ้าย โดยหลักฐานตามพระราชพงศาวดารฉบับหอสมุดแห่งชาติ ยืนยันได้ว่า สร้างในรัชกาลที่ 1 แห่งกรุงรัตนโกสินทร์

พระวิหาร (พระวิหารฉางเกลือ) ลักษณะทรงไทยคล้ายผสมจีน สันนิษฐานว่าได้ใช้เป็นฉางเกลือของสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช ด้านหลังมีรูปปั้นขุนนางจีน 2 ตัว ภายในพระวิหารกั้นเป็น 2 ตอน ปัจจุบัน ตอนหน้าที่หันออกคลองบางกอกใหญ่ ประดิษฐานพระพุทธรูปเป็นหมู่บนฐานชุกชี ส่วนตอนหลังเป็นพื้นที่ค่อนข้างแคบ ประดิษฐาน "พระปรเมศ" พระพุทธรูปขนาดใหญ่ปางมารวิชัย แต่เดิมผนังห้องนี้เขียนลวดลายงดงาม ภายหลังทาสีทับ แต่ส่วนบนยังปรากฏอยู่

หอสมเด็จ แบ่งเป็น 2 ชั้น คือ ชั้นฐานและชั้นตัวหอ ชั้นฐานรับหอและพระเจดีย์ แบ่งเป็นช่อง ๆ แต่ละช่องมีรูปทหารแบกส่วนฐานไว้ สันนิฐานว่าเป็นรูปทหารฝรั่งเศสเนื่องจากสร้างบนส่วนของป้อมทหารฝรั่งเศสตั้งแต่สมัยอยุธยา (บริเวณเดียวกับป้อมวิไชยประสิทธิ์) ส่วนบนประกอบด้วยพระเจดีย์รอบด้าน ๆ ละ 2 องค์ รวมเป็น 4 องค์ ด้านหน้าเป็นรูปอุโมงค์ประดิษฐานพระพุทธบาทจำลอง ตัวหอสมเด็จ เป็นอาคารทรงไทย ประตูหน้าต่างเขียนภาพลายรดน้ำงดงาม ภายในประดิษฐานรูปหล่อเจ้าประคุณสมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์ (ขุน) เจ้าอาวาสรูปที่ 2 เป็นพระอาจารย์ถวายพระอักษรเบื้องต้นแด่พระโอรสในรัชกาลที่ 2 แทบทุกพระองค์ เป็นพระราชกรรมวาจาจารย์ในรัชกาลที่ 3 เมื่อมรณภาพแล้ว รัชกาลที่ 3 โปรดให้หล่อขึ้น เป็นรูปหล่อสำริดนั่งขัดสมาธิมีขนาดเท่าองค์จริง ประดิษฐานอยู่บนแท่นซึ่งมีคำจารึกที่ฐานหล่อว่า           "ศุภมัสดุ พระพุทธศักราชล่วงแล้วสองพันสามร้อยแปดสิบหกพระวษา ณ วันจันทร์ขึ้น 5 ค่ำ เดือน 8 ปีเถาะ เบญจศก พระบาทสมเด็จบรมธรรมฤกมหาราชาธิราชรามาธิบดีบรมนารถบรมบพิตร พระพุทธเจ้าอยู่หัว มีพระราชโองการ ณ พระบัณฑูรสุรสีหนาท ดำรัส สั่งหลวงกัลมาวิจิตร เจ้ากรมช่างปั้นขวา และอาจารย์ฉิม กรมราชบัณฑิตย์ ให้จำลองหล่อพระพุทธรูปสมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์ ญาณอดุลย์สุนทรนายก ติปิฏกธรา มหาคณฤษร บวรสังฆาราม คามวาสีบพิตร อันสถิต ณ พุทไธยสวรรยาวาศ วรวิหาร ไว้เป็นที่สักการบูชาแก่สานุศิษย์ทั้งปวงสืบไป"




หอไตร ปัจจุบันย้ายออกมาจากสระน้ำและตั้งอยู่บริเวณ กุฎีสงฆ์ ภายในคณะ 1 เป็นอาคารไม้สักทรงไทย ใต้ถุนสูง หลังคา 2 ชั้น มุงกระเบื้องเคลือบ ประตู หน้าต่าง ผนังด้านใน และเสาเขียนภาพลายรดน้ำภาพถ้วยชามเครื่องใช้จีนสวยงามยิ่ง สันนิษฐานว่า คงสร้างในรัชกาลที่ 3 ต่อมา รัชกาลที่ 5 โปรดให้บูรณะขึ้นอีกครั้งสมัยพระธรรมเจดีย์ (อยู่) เป็นเจ้าอาวาส ในปีพุทธศักราช 2555 สำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์จะดำเนินการบูรณะปฏิสังขรณ์โบราณสถานแห่ง


สลากไทพลัส 80 บาททุกใบไม่มีบวกเพิ่ม ถูกรางวัลรับเต็ม

ติดต่อทาง LINE:@STPLUS

www.สลากไทพลัส.com



อ่านบทความเพิ่มเติมของ สลากไทพลัส







ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

ไทยพลัสนิวส์ 10 อาหารที่กินแล้วทำให้ แก่วัย

 ไทยพลัสนิวส์ 10 อาหารที่กินแล้วทำให้ แก่วัย ไทยพลัสนิวส์ 10 อาหารที่กินแล้วทำให้ แก่วัย เรื่องของอาหารการกิน ยังไงก็เป็นเรื่องที่สำคัญ ต่อร...